xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มการแพทย์สดใส ฝนชุกยาวหนุนผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นโรงพยาบาลไตรมาส 3 สดใสต่อเนื่องยาวไปถึงไตรมาส 4 หลังปรากฎลานีญาทำให้ฝนตกชุกต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่งสูง และครึ่งปีหลังเป็นช่วงพีคของธุรกิจ อีกทั้งปัจจัยบวกการเจรจาระหว่างรัฐบาลคูเวตและ รพ.เอกชน 8 แห่ง เพื่อฟื้นฟูความร่วมมือทางการแพทย์ส่งเสริม Medical Hub ของไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้านรัฐบาลคูเวตปรับเกณฑ์การคัดกรอง พร้อมตั้ง Medical office ในไทยเป็นศูนย์กลางดูแลผู้ป่วยคูเวตที่เข้ามารักษา คาดช่วงไตรมาส 4 เป็นต้นไป นักวิเคราะห์ประสานเสียงหุ้นโรงพยาบาลจะสดใสตามรายได้ที่จะรับรู้เข้ามาช่วงปลายปี และบางแห่งได้อานิสงส์ผู้ป่วยต่างชาติ ขณะโรงพยาบาลที่ให้บริการประกันสังคมจะมีตัวเร่งเชิงบวกจากการเริ่มหักเงินสมทบสูตรใหม่ระยะที่ 1 ระหว่างปี 69-71 ยังคงยกให้ BDMS และ BCH   

ปรากฎลานีญาที่ฝนตกชุกต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่งสูง จากก่อนหน้าที่หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลหรือการแพทย์เงียบเหงามาสักพัก ทว่าช่วงปลายปีนี้พบว่าผลกระทบจากฝนตกหนักและยืดเยื้อมายาวนานจนกระทั่งปัจจุบัน ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และบางตัวคึกจากการที่รัฐb  รัฐบาลคูเวตได้เชิญรพ.เอกชน 8 แห่ง เจรจาเพื่อฟื้นฟูความร่วมมือในการส่งผู้ป่วยเข้าม่ารักษาในไทย จากปีที่ผ่านมานั้นไม่มีการส่งป่วยแต่อย่างใด

จากการเจรจาดังกล่าว ทำให้หุ้นโรงพยาบาลหลายตัวที่มีผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะราคาวิ่งรับข่าวล่วงหน้าไป แต่อย่างไรก็ดี คงต้องรอผลประกอบการที่จะแจ้งออกมาอย่างชัดเจนในอนาคต และโดยปกติช่วงไตรมาส 3-4 ถือเป็นช่วงพีคของกลุ่มโรงพยาบาล ขณะที่ราคาหุ้นหลายวันที่ผ่านมานั้นพบว่า ราคาหุ้นกลุ่มนี้หลายตัวบวกต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงพระยาบาลพระราม 9 แต่อีกหลายตัวกลับบวกบ้าง ลบบ้างตามภาวะตลาด


**** บล.หยวนต้า *** ประเมินหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โดยผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลคูเวตและ รพ.เอกชน 8 แห่ง (BCH, BH, กลุ่ม BDMS 3 แห่ง, PR9 และ CHG) เป็นไปในทางที่ดีโดยมีประเด็นสำคัญคือวัตถุประสงค์การเจรจาเพื่อฟื้นฟูความร่วมมือทางการแพทย์ส่งเสริม Medical Hub ของไทย และ สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ , รัฐบาลคูเวตได้ปรับเกณฑ์การคัดกรอง ให้ผ่านกระทรวงสาธารณสุขคูเวต แทนระบบเดิมที่ผ่าน สถานทูต พร้อมตั้ง Medical office ในประเทศไทย เพื่อคัดกรองและเป็นศูนย์กลางดูแลผู้ป่วยคูเวตที่ เข้ามารักษาในไทย , เกณฑ์การคัดกรองอาจถูกปรับให้ไม่ครอบคลุมการรักษาโรคทั่วไปและโรคที่สามารถรักษาใน ประเทศคูเวตได้ และรัฐบาลคูเวตไม่ได้ระบุจำนวน รพ.ที่เลือกแน่นอนแต่ทางกระทรวงสาธารณสุขคูเวตมีแผนเข้ามา เยี่ยมโรงพยาบาลในไทยช่วงเดือนตุลาคมนี้และกรณีที่ดีที่สุด (Best Case) คาดว่าจะเริ่มส่งผู้ป่วยเข้า มาช่วงไตรมาส 4 ปีนี้เป็นต้นไป

ดังนั้น บล.หยวนต้า มีมุมมองเป็นบวกต่อผลการเจรจาครั้งนี้ แม้รายละเอียดจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เกณฑ์การคัดกรองอาจถูกปรับให้ไม่ครอบคลุมการรักษาโรคทั่วไปและโรคที่สามารถรักษาในประเทศ คูเวตได้แต่เน้นโรคเฉพาะทางหรือโรคซับซ้อน ทำให้รายได้อาจไม่เท่าในอดีตก่อนที่จะหยุดส่งต่อ ผู้ป่วยมาไทย แต่การกลับมารักษาในประเทศไทยก็ถือว่าดีช่วยหนุนการเติบโตของผู้ป่วยคูเวต ซึ่ง บล.หยวนต้า มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น รพ. ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตลาดยังไม่รวมในประมาณการ ทั้ง BCH, BH, กลุ่ม BDMS, และ PR9 มองเป็นบวกต่อ BCH มากที่สุด เพราะมีรายได้จากคูเวตก่อนที่คูเวตหยุดส่งต่อผู้ป่วยราว 6% (ลงมาเหลือ 2% ช่วงที่หยุดส่งต่อ) และยังมีประเด็นบวกเพิ่มเติมคือโอกาสในการเรียกคืนหนี้ค้าง ชำระจากรัฐบาลคูเวตราว 240 ล้านบาท ซึ่งทาง BCH ให้ข้อมูลว่ามีโอกาสรับรู้รายได้ในไตรมาส 4นี้ คาดกำไรในไตรมาส 3 ปีนี้เข้า High Season แม้ว่าการเติโตจะแผ่วลงในไตรมาสก่อนเทียบปีก่อนจะดีและฟื้นต้วในไตรมาส 4 นี้

จากเหตุผลข้างต้น บล.หยวนต้า คาดกำไรในไตรมาส 3 ปีนี้ เทียบไตรมาสก่อน เติบโตตามปัจจัยฤดูกาล แต่หากเทียบปีก่อนคาดชะลอตัวจากฐานสูง เนื่องจากปีก่อนมีโรคระบาดรุนแรงมากกว่า ขณะที่บาง รพ. มีปัจจัยเฉพาะตัว เช่น BCH ที่ปีก่อนมี บันทึกรายได้จากการเบิก 26 โรคเรื้อรังทางประกันสังคมปีก่อนจ่ายในไตรมาส 3 แต่ปีนี้ได้รับตั้งแต่ในไตรมาส 2 ปีนี้ , BDMS ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. มีผลกระทบจากลูกค้ากัมพูชาที่ลดลง และ EKH ที่ลูกค้าจีนยัง ลดลงจากปีก่อนกระทบต่อธุรกิจ IVF
ส่งผลให้ คาดผลประกอบการกลุ่ม รพ. จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในไตรมาส 4 ปีนี้ มีการปรับลดประมาณการกำไร BDMS ลง 3% สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ ทำให้ภาพรวมกลุ่ม รพ.ปี 68 คาดกำไรที่ 19,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบปีก่อน โดยมี BCH และ PR9 ที่กำไรเติบโตดีกว่ากลุ่ม โดยเติบโต 14% เทียบปีก่อนและ 21% ตามลำดับ จึงคงน้ำหนัก “มากกว่าตลาด” เลือก BCH เป็น Top pick

ดังนั้น จึงมีมุมมองเป็นบวกต่อผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลคูเวตและ รพ.เอกชน แม้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ก็มีโอกาสค่อนข้างสูงที่ทางรัฐบาลคูเวตจะกลับมาส่งต่อผู้ป่วยมายังประเทศไทย ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่ม รพ. ส่วนใหญ่ปรับลดลงสะท้อนปัจจัยลบมากไป เรามองเป็นจังหวะในการกลับเข้าลงทุน บล.หยวนต้า เลือก BCH เป็น Top pick (TP 18.50 บาท) ซึ่งคาดเป็น รพ.ที่รับประโยชน์มากสุดหากรัฐบาลคูเวตกลับมาส่งต่อผู้ป่วย ขณะที่ภาพรวมปี 68 คาดกำไรเติบโต 14% เทียบปีก่อน ซึ่งดีกว่าอุตสาหกรรม

***บล.กรุงศรี *** มองบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลเนื่องจากเกณฑ์รักษาคนไข้รัฐสวัสดิการของคูเวตมีความคืบหน้า โดยได้ติดตามประเด็นคูเวตกับ BDMS และ BCH ซึ่งได้รับเชิญจากสถานฑูตคูเวตเข้าร่วมงาน Rediscovering Health and Wellness Tourism in Thailand ที่ประเทศคูเวต ระหว่างวันที่ 16-18 ก.ย. 68 โรงพยาบาลไทยที่เข้าร่วมงานฯ มีจำนวน 7 แห่ง จากที่ได้รับเชิญ 8 แห่ง ได้แก่ เครือBDMS 3 แห่ง, รพ.เวิลด์เมดิคอล บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH), รพ.จุฬารัตน์ 3 บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG), รพ.พระราม 9 บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) และ รพ.ปิยะเวท
นอกจากนี้ รัฐบาลคูเวตปรับเกณฑ์คัดกรองโรคโดยผ่านกระทรวงสาธารณสุขคูเวต จากเดิมผ่านสถานฑูต รวมทั้งจะตั้ง Medical Office ในประเทศไทย เพื่อคัดกรองและเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วยคูเวตที่เข้ามารักษาในไทย , เกณฑ์คัดกรองโรคเพื่อส่งคนไข้รัฐสวัสดิการ (Guarantee of payment:GOP) อาจจะปรับให้ไม่ครอบคลุมการรักษาโรคทั่วไป และโรคที่รักษาได้ในคูเวต และกระทรวงสาธารณสุขคูเวตจะเลือก โรงพยาบาลในประเทศไทยเพื่อส่งคนไข้ แต่ยังไม่มีการระบุจำนวน โรงพยาบาลโดยช่วงเดือน ต.ค.นี้ จะเข้ามาเยี่ยม โรงพยาบาลในไทยก่อน

ดังนั้น บล.กรุงศรี มองเป็น “บวก” ต่อกลุ่มการแพทย์ เนื่องจากเกณฑ์การรักษาคนไข้ GOP ของคูเวตมีความคืบหน้า และกระทรวงสาธารณสุขคูเวตจะเข้ามาเยี่ยมโรงพยาบาลในไทยช่วงเดือนหน้า ทำให้มีแนวโน้มที่คูเวตจะเริ่มส่งคนไข้ GOP เข้ามารักษาในประเทศไทย ขณะโรงพยาบาลที่ บล.กรุงศรี ศึกษาและมีรายได้จากคูเวตในปี 66 (ก่อนหยุดส่งคนไข้) เรียงจากมากไปน้อย ทั้ง BCH (สัดส่วน 6.4%), BH (สัดส่วน 6%), BDMS (สัดส่วน 0.7%) และ CHG (สัดส่วน 0.5%) ตามลำดับ โดยการรักษาส่วนใหญ่เป็นโรคยากซับซ้อน เช่น สมอง, หัวใจ, แผลเบาหวานและหลอดเลือด, กระดูกและข้อ

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ต้องติดตามคือ การกำหนดจำนวนและเลือกโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขคูเวต เพื่อส่งคนไข้มารักษาในไทย แนะนำ Neutral สำหรับกลุ่มการแพทย์ คาดกำไรสุทธิรวมของกลุ่มฯ ในปี 68 หรีอเพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน จะเติบโตเล็กน้อยตามทิศทางรายได้ และคาดว่าใน 3 ปีข้างหน้าคือปี68-70 กำไรสุทธิรวมจะเติบโตต่อปี 5% CAGR มีปัจจัยสนับสนุนคือ สังคมผู้สูงอายุ, การเพิ่มสิทธิรักษาโครงการรัฐ และการขยายตลาดต่างชาติกลุ่มใหม่ๆ รวมถึงมีโอกาสกลับมารักษาคนไข้ GOP คูเวต

****บล.บัวหลวง **** ประเมินหุ้นกลุ่ม Healthcare Sector แนะนำเลือกลงทุนเฉพาะ BH และ PR9 เป็นหลัก เนื่องจากไตรมาส 2 ภาพรวมผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลออกมาแบบ “ไม่เท่ากัน” โดยกำไรหลักรวมอยู่ที่ราว 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% จากปีก่อน แต่ลดลงแรง 11% จากไตรมาสก่อนสะท้อนแรงกดดันตามฤดูกาล (ช่วงสงกรานต์และวันหยุดยาวทำให้จำนวนผู้ป่วยชะลอ) รวมถึงโครงสร้างผู้ป่วยที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เมื่อรายได้รวมของ 4 โรงพยาบาลใหญ่ (BDMS, BH, BCH, PR9) อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน แต่ลดลง 4% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยเหลือ 37.4% (–10bps เทียบปีก่อน, –100bps จากไตรมาสก่อน ) จากสัดส่วนผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป

เนื่องจาก PR9 ทำผลงานโดดเด่นทั้งรายได้และกำไรโตจากปีก่อนต่อเนื่อง ขณะที่ BH แม้จะมีแรงกดดันในประเทศ แต่ยังได้แรงหนุนจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง ส่วน BDMS ถูกกดดันหนักจากผู้ป่วย CLMV หายไป ลดลง 4% เมื่อเทียบปีก่อน ในไตรมาส 2 ปีนี้ และต่อเนื่องลดลง 26% ในเดือน ก.ค. จากปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ขณะที่ BCH ก็เสี่ยงเผชิญแรงกดดันลักษณะเดียวกันจากพึ่งพาผู้ป่วยข้ามแดนสูง ขณะที่งาน “Rediscovering Health in Thailand” ที่สถานกงสุลคูเวตจัดขึ้น ก.ย.นี้ จะเป็นตัวเร่งสำคัญ โดย BH มีโอกาสได้อัพไซด์กำไร 5–7% และ PR9 ได้ 3–5% ในปี 69 จากการกลับมาของผู้ป่วยคูเวต จึงแนะนำเลือกลงทุนเฉพาะ BH และ PR9 เป็นหลัก และช่วงนี้เลี่ยง BDMS และ BCH ชั่วคราวก่อน


*** บล.ทิสโก้ *** ประเมินหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หลังพบว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมาช้า ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 68 กรมควบคุมโรค (DDC) รายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ไตรมาสแรก (QTD) ลดลงอย่างมากจากปีก่อน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดลดลงจาก 273,000 ราย เหลือ 113,000 ราย ซึ่งลดลงเกือบ 60% เทียบงวดเดียวก้นของปีก่อน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงเป็นเด็กและทารก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายสัปดาห์เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปลายเดือนสิงหาคม โดยเพิ่มขึ้นจาก 8,000-9,000 ราย เป็น 16,000-20,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าจุดสูงสุดของฤดูกาลในปีนี้เริ่มต้นช้ากว่าปกติ
ผลกระทบจากฤดูกาลที่ล่าช้าส่งผลกระทบต่อรายได้โรงพยาบาล เพราะการตรวจสอบช่องทางกับ BDMS และ RAM ชี้ให้เห็นว่าฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ที่ล่าช้าส่งผลกระทบต่อรายได้โรงพยาบาล BDMS รายงานรายได้เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมลดลงเล็กน้อยในระดับ low single-digit จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากฐานรายได้ตามฤดูกาลที่สูง
ทั้งนี้ไตรมาส 3 ปี 67 รายได้จากผู้ป่วยชาวกัมพูชาลดลง 50% เทียบปีก่อนในเดือนกรกฎาคม แต่เริ่มมีสัญญาณทรงตัวในเดือนสิงหาคม

RAM ก็ประสบปัญหารายได้โรงพยาบาลลดลงจากปีก่อน ในเดือนกรกฎาคม ตามมาด้วยแนวโน้มทรงตัวที่คล้ายคลึงกันในเดือนสิงหาคม แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนถึงผลกระทบในวงกว้างของช่วงปลายฤดูไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลที่ให้บริการ
คาดว่าการสนับสนุนตามฤดูกาลจะเลื่อนไปเป็นไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 บล.ทิสโก้คาดว่าการสนับสนุนตามฤดูกาลจะมาถึงช้ากว่าปกติ โดยผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะเลื่อนไปเป็นไตรมาส 4 นี้ ซึ่งจะสอดคล้องกับความต้องการการตรวจสุขภาพประจำปีที่เพิ่มขึ้นและรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในช่วงฤดูท่องเที่ยว
โดย บล.ทิสโก้ ให้ BDMS ยังคงเป็นหุ้นแนะนำของกลุ่มนี้ เพราะประมาณการ 9 เดือนปีนี้ 9 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งรวมการปรับปรุงไตรมาสก่อนหน้าสำหรับไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 73.8% ของประมาณการทั้งปี 68 ศักยภาพในการเติบโตอยู่ที่การฟื้นตัวของรายได้ผู้ป่วยในกัมพูชาที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการเติบโตโดยรวมในไตรมาสต่อๆ ไป ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BDMS โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 30.00 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น