นายวรภัค ธันยาวงศ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) ว่าที่ รมช.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนจับตาเงินร้อนที่อาจไหลเข้ามาเร็วกว่าที่คิด และทำให้ค่าเงินบาทแข็งจนเกินดุล หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกของปี และส่งสัญญาณว่าจะมีการลดอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (interest rate differential) ระหว่างไทย-สหรัฐฯ แคบลง
นักลงทุนต่างชาติ อาจมองหาผลตอบแทนในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรไทย และตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเพิ่ม จากกระแสเงินทุนไหลเข้า ทั้งในพันธบัตร และหุ้น
แต่ถ้าเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่เหนือ 2% ความผันผวนค่าเงินดอลลาร์อาจสูงขึ้น ทำให้เงินบาทเหวี่ยงแรงได้ทั้งแข็งและอ่อนตามกระแส risk-on/risk-off
สำหรับไทย จึงเป็นโจทย์สำคัญของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะใช้ smoothing operations อย่างไร เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่าจนกระทบผู้ส่งออก และการท่องเที่ยว