นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB)เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผน 4 ปีของธนาคารว่า จากแผนดังกล่าวธนาคารได้วางเป้าหมายที่จะเป็นที่หนึ่งในทุกเซกเมนต์ที่ทำธุรกิจ โดยกำหนด 6 เป้าหมายด้วยกัน ได้แก่ การเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งได้ทำสำเร็จไปแล้ว ,การลด Cost to Income ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 40%ใกล้ๆกลาง 30% ก็ได้ประสบความสำเร็จเช่นกัน ,เพิ่มรายได้จากช่องทาง Digital จาก 6-7% มาสู่ปัจจุบันที่ 25% ,การเปลี่ยนผู้นำด้าน Green Loan ก็ยังคงดำรงอยู่ ขณะที่การเป็นที่หนึ่งในธุรกิจ Wealth และการเพิ่มคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าในการเลือกใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลักเป็นอันดับหนึ่งนั้น ยังคงต้องดำเนินต่อไปในช่วงที่เหลือของแผน
"นับตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลา 1,137 วันที่เข้ามารับตำแหน่ง ก็ได้ดำเนินการในหลายด้านที่บรรลุเป้าหมายไปหลายเรื่อง แต่ก็ยังมีส่วนที่ต้องทำต่อเรื่องไปเช่นกัน โดยหากย้อนกลับไปในครั้งแรกในการเข้ามารับตำแหน่งในSCB มีเป้าหมายหลักในการเดินหน้าให้เกิดความสำเร็จ คือ การสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้าให้มากที่สุด พร้อมกับการก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และขับเคลื่อนการเป็น Digital Bank ที่ยังคงรักษาอันดับหนึ่งในการครองใจลูกค้า ควบคู่ไปกับการหาสมดุลระหว่างธุรกิจลูกค้าสถาบันและรายย่อย"
ส่วนความท้าทายของธุรกิจธนาคารในปัจจุบันนั้น มองใน 3 ส่วนด้วยกันคือ การแข่งขันในการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การปรับเปลี่ยนเป็น Digital Banking แต่ยังเป็น Human Touch ยังเป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่การเข้ามาของ Visual Bank ก็ต้องเตรียมรองรับไม่ว่าจะเป็นด้านระดมเงินฝาก ต่อเนื่องไปสู่การปล่อยสินเชื่อก็จะเป็นโจทย์ที่ท้าทายในอนาคต
อีกความท้าทายเป็นการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสุดท้ายเรื่องของ Open Banking ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ต้องการให้ธนาคารแชร์ข้อมูลให้กับกลุ่มที่ไมใช่ธนาคาร ซึ่งจะทำให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆในขณะเดียวกันก็จะเป็นช่องทางพันธมิตรใหม่ๆของธนาคารเช่นกัน
นายกฤษณ์กล่าวอีกว่า จากความท้าทายดังกล่าวเป็นที่มาแผนกลยุทธ์ของธนาคารในระยะถัดไปที่จะขับเคลื่อนผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1. Fortify the Core การเสริมแกร่งธุรกิจหลัก รักษาและขยายฐานลูกค้าคุณภาพทั้งภาคธุรกิจและรายย่อย เพื่อก้าวสู่การเป็น "ธนาคารที่ลูกค้าไว้วางใจในทุกช่วงชีวิต" 2. Lean the Business การปรับธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ ลดความซ้ำซ้อน และเร่ง Transformers ธุรกรรมจาก Offline สู่ Online และ3. Execute with Speed and Clarity การลงมือทำอย่างรวดเร็วและชัดเจน ติดตามผลการดำเนินงานเป็นรายไตรมาส โดยกำหนดเป้าหมายที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ธนาคารจะเดินหน้า Lean the Business อย่างจริงจัง โดยลดธุรกิจที่ไม่ตอบโจทย์อนาคตและยกระดับทักษะดิจิทัลของบุคลากร จาก "ผู้รู้" สู่ "ผู้ใช้และผู้สร้าง" ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 60% ภายในปี 2569 พร้อมเร่งผลักดันบริการสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ เช่น การเปลี่ยนธุรกรรมจาก Offline เป็น Online ให้ได้ถึง 20% ภายในปี 2568
"ในเมื่อโลกเปลี่ยนไป ประเทศไทยเปลี่ยนไป ไทยพาณิชย์ก็ต้องเปลี่ยน ทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจหลัก เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทำขนาดองค์กรให้เหมาะสม และการประเมินผลที่รวดเร็วเพื่อให้ตามทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ซึ่งการปรับลดขนาดองค์กรนั้น ก็ต้องพูดตรงๆว่าพนักงานก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่การปรับลดพนักงานของธนาคารจะต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม โปร่งใส เหมาะสม และเปิดโอกาสให้กับพนักงานที่พร้อมจะปรับไปสู่ดิจิทัลและตามแนวทางที่ธนาคารวางไว้ โดยปัจจุบันธนาคารมีพนักงาน 18,000-19,000 คน ซึ่งประเมินไว้ที่ประมาณหมื่นกลางๆ แต่จะใช้เวลาเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับจำนวนสาขาและพฤติกรรมของลูกค้าเป็นสำคัญ"