"ฮั่วเซ่งเฮง” คาดราคาทองคำปีนี้ทะลุ 56,000 บาท จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเฟดลด ตัวการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรของสหรัฐต่ำลง ตลอดจนสงคราม สงผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกหรือนักลงทุนหันมาเก็บทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองและหลบภัยลดเสี่ยง คาดไตรมาส 4 สหรัฐและธนาคากลางทั่วโลกเก็บทองสำรองเพิ่มหนุนราคาพุ่งต่อ
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง จำกัด เปิดเผยว่าแนวโน้มราคาทองคำปีนี้จะแตะระดับ 3,780 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือที่ 56,000 บาทต่อบาททองคำ จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งดอกเบี้ยที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดลง 2-3 ครั้งจากตัวการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรของสหรัฐต่ำลง สงครามและค่าเงินที่จะกระทบทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองเพื่อเข้าไปเป็นทุนสำรอง และที่สำคัญคือนโยบายทรัมป์ และนโยบายการจ่ายคืนภาษีจากการปรับเปลี่ยนนโยบายภาษีของสหรัฐกับนานาประเทศที่จะต้องมองต่อไปว่าจะส่งผลต่อราคาทองอย่างไร ซึ่งต้องมาพิจารณาอีกรอบหนึ่ง
อย่างไรก็ดี การที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง จะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานที่ดีขึ้น และผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ปลายเดือนกันยายนนี้จะมีผลต่อราคาทองคำ ซึ่งการแทรกแซงของเฟดทำให้นานาประเทศให้ความสนใจ เพราะทำให้มีผลดีต่อราคาทอง
อย่างไรก็ดี่ความต้องการทองคำมีมากขึ้น จากตัวเลขการซื้อทองคำ 7 เดือนที่ผ่านมา จะพบว่าธนาคารกลางในหลายประเทศ เข้าซื้อทองเพื่อสำรองเพิ่มขึ้น และยังซื้อทองคำต่อเนื่องจีน อินเดีย ตุุรกีและแม้แต่อินโดนีเซีย แม้ว่าช่วงราคาพุ่ง ทำให้การซื้อทองอาจชะลอตัวบ้าง แต่ไม่มีการขายออก เพราะเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง กระทบกับราคาทอง และเชื่อว่าสหรัฐจะกลับเข้ามาซื้อทองมากขึ้น ทำให้ราคาทองขยับขึ้นอีก
ทั้งนี้ 15 ปีที่ผ่านมาไทยบริโภคทองสูงมาก แม้ว่า 2 ปีหลังนี้ เวียดนามและอินโดนีเซียจะมีแรงซื้อเข้ามามากกว่า จากตัวเลขการลงทุนทองคำของไทยไตรมาส 2 ปีนี่พบว่าเติบโต 23 % และในส่วนของทองคำแท่งเติบโตถึง 32% ซึ่งไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่าธนาคารกลางทุกประเทศจะมีการกลับเข้ามาซื้อทองมากขึ้น หลังจากตั้งแต่ต้นปีนี้พบว่าธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำแล้วกว่า 400 ตัน และเชื่อว่าปีนี้จะมีการซื๋อประมาณ 900 ตัน
นายธนรัชต์กล่าวถึงยอดขายทองของงฮั่วเซ่งเฮงว่า 8 เดือนปีนี้ที่ผ่านมาพบว่าทำยอดขายไว้ 2.67 ล้านบาท หรือเป็นตัวเลชที่เท่ากับทั้งปีของปี 67 แล้วเพราะมูลค่าของราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง