ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก้ สั่งการรัฐบาลเบลารุสเร่งรัดออกกฎหมายคุมคริปโต หลังผลสอบการลงทุนเผยเงินครึ่งหนึ่งที่ไหลไปต่างประเทศไม่ย้อนกลับคืน ชี้กฎหมายที่มีอยู่ยังอ่อนแอ เปิดช่องให้ “ชีวิตดิจิทัล” แซงหน้ากฎระเบียบ สะท้อนความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พร้อมตั้งเป้าวางกรอบเข้มเพื่อปกป้องนักลงทุน คุมเงินทุนให้อยู่ในประเทศ ขณะเดียวกันยังต้องรักษาภาพลักษณ์ “ดิจิทัลเฮเวน” ดึงดูดทุนจากทั่วโลก
ผลสอบฉาว - เงินลงทุนครึ่งหนึ่งหายวับ
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ลูคาเชนโก้ตำหนิรัฐบาลกลางที่ปล่อยให้ตลาดคริปโตไร้ระเบียบ หลังคณะกรรมการตรวจสอบแห่งรัฐเผยผลสอบ พบว่ากว่า 50% ของการลงทุนของประชาชนที่ไหลสู่แพลตฟอร์มคริปโตต่างประเทศทำให้เงิน “ไม่เคยกลับคืนเข้าประเทศ” อีกทั้งยังพบการละเมิดขั้นตอนการบันทึกธุรกรรมในแพลตฟอร์มภายในประเทศด้วย
การเปิดโปงครั้งนี้กลายเป็นชนวนให้ผู้นำเบลารุสเรียกร้องเร่งคุมเข้มเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและผลประโยชน์นักลงทุน
กรอบกฎหมายยังล่าช้า CBDC ผูกเงินรูเบิลรัสเซีย
ลูคาเชนโก้เผยว่า ตนได้มอบหมายให้รัฐบาลจัดทำกรอบกฎหมายครอบคลุมการใช้โทเคนดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2567 แต่จนถึงวันนี้ยังไร้กฎหมายบังคับใช้จริง พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เบลารุสมีแผนเดินหน้าสร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่ผูกกับรูเบิลรัสเซีย เพื่อเสริมเสถียรภาพการเงินภูมิภาค
เขาตำหนิรัฐบาลว่า “ปล่อยให้ชีวิตดิจิทัลวิ่งนำหน้ากฎหมาย” และย้ำว่ารัฐต้องเร่งสรุปมาตรการให้ชัด เพื่อค้ำยันเสถียรภาพการเงินควบคู่กับการคุ้มครองนักลงทุน
Hi-Tech Park ไม่พอ-รัฐต้องก้าวเข้ามากำกับ
ปัจจุบัน กิจกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในเบลารุสยังอิงกับกรอบ Hi-Tech Park ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีกฎหมาย Ordinance No. 8 วางรากฐานด้านการสร้างและซื้อขายโทเคน แต่ผู้นำประเทศเห็นว่ากรอบนี้ยังไม่เพียงพอ และส่งสัญญาณชัดว่าหน่วยงานรัฐแบบดั้งเดิมจะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการกำกับดูแลโดยตรง
สมดุลใหม่-รักษาความปลอดภัยแต่ไม่ปิดกั้นการลงทุน
ลูคาเชนโก้ระบุว่ามาตรการใหม่ต้องสร้างกฎเกณฑ์โปร่งใสสำหรับผู้เล่นในตลาด พร้อมกลไกคุ้มครองเพื่อป้องกันเงินทุนไหลออกนอกประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดทางให้ธุรกิจในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังสามารถดำเนินการได้ต่อ เพื่อรักษาเสน่ห์ของเบลารุสในฐานะ “ดิจิทัลเฮเวน” ที่ยังดึงดูดการลงทุน
อย่างไรก็ตามแม้รัฐบาลยังไม่ประกาศกรอบเวลาชัดเจน แต่คำสั่งเร่งรัดของลูคาเชนโก้คือสัญญาณแรงว่า อุตสาหกรรมคริปโตในเบลารุสกำลังจะเผชิญแรงกดดันและการตรวจสอบเข้มข้นกว่าที่เคยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า