แม้ว่า ตลาดหุ้นยังเผชิญกับความผันผวน เนื่องจากแรงกดดันภาษีการค้าของสหรัฐที่ยังไม่มีบทสรุป แต่ดัชนีหุ้นยังไต่ระดับขึ้นมาได้ และสร้างจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง เมื่อวันพุธที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยปิดที่ 1219.62 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,492 ล้านบาท
วันอังคารที่ผ่านมา หุ้นดิ่งลงไปกว่า 16 จุด หลุดแนวรับระดับ 1200 จุด เพราะถูกนักลงทุนสถาบันในประเทศเทขายหนัก และแรงซื้อของต่างชาติไม่มากพอที่จะรับแรงขายของนักลงทุนสถาบัน จนนักลงทุนเกรงว่า หั้นอาจจะเปลี่ยนทิศทาง กลับสู่การปรับฐานลง
แต่แรงซื้อของต่างชาติที่ไม่แผ่วลง โดยวันพุธยกทัพใหญ่เข้ามาไล่ช้อนหุ้น ปลุกให้ดัชนี ฯดีดตัวกลับอย่างฉับไว ทะยานสร้างจุดสูงสุดใหม่ของรอบ จนดูเหมือนว่า ต่างชาติไม่ให้ความสำคัญกับผลกระทบการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยของสหรัฐในอัตรา 36% แต่อย่างใด
ต่างชาติเทขายหุ้นทิ้งหลายปีติดต่อ โดยปี 2566 เทขายสุทธิ 1.92 แสนล้านบาท ปี 2567 เทขายอีก 1.47 แสนล้านบาท และปี 2568 จนสิ้นสุดวันที่ 23 กรกฎาคม มีรยอดขายหุ้นสุทธิรวม 67,562 ล้านบาท
เพียงแต่ในเดือนกรกฎาคม ต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาซื้อคืน โดยมียอดซื้อหุ้นสุทธินับจากต้นเดือนรวม 11,130 ล้านบาท และกลายเป็นกองหนุนสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นกลับขึ้นสู่ความคึกคัก สวนแรงกดดันการเจาจาภาษีการค้ากับสหรัฐ
ไม่มีคำตอบแน่ชัดว่า ทำไมต่างชาติจึงหวนคืนตลาดหุ้นไทย ละกลับมาไล่ซื้อหุ้นยกใหญ่ นอกจากสมมุติฐานว่า ราคาหุ้นไทยต่ำจนสร้างแรงจูงใจต่างชาติ และเงินทุนกำลังไหลกลับมายังตลาดหุ้นย่านเอเชีย
แต่ประเด็นที่นักลงทุนในประเทศอยากได้คำตอบมากที่สุดคือ ต่างชาติกลับมาจริงหรือไม่ จะขนเงินมาไล่ซื้อหุ้นคืนอีกยางนานเท่าใด เพราะความหวังในความสำเร็จการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐ ยังมีน้อยกว่า ความหวังการกลับมาอย่างถาวรของนักลงทุนต่างชาติ
เพราะถ้าไม่มีแรงซื้อจากต่างชาติ หุ้นคงไปต่อไม่ได้ และดัชนี ฯ ที่พุ่งขึ้นมาประมาณ 160 จุดในรอบนี้ เกิดจากแรงซื้อของต่างชาติโดยตรง
ถ้าต่างชาติไม่หยุดซื้อเสียก่อน แนวต้านถัดไปที่ระดับ 1250 จุด คงอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ภายใน 7 วันข้างหน้า ผลเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐ คงมีบทสรุป เพราะหากไม่มีบทสรุป ไทยจะต้องเสียภาษีสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐในอัตรา 36% เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคมนี้
แต่ใครจะรู้ว่า ไทยจะเจรจาต่อรองภาษีเหลือเท่าไหร่ จะเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับเวียดนามหรืออินโดนีเชียในระดับ 20% ได้หรือไม่ และตลาดหุ้นจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร
บทสรุปการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐ จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญชี้นำตลาดหุ้นไทยทั้งในระยะสั้นแบละระยะยาว โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง แต่การคืนกลับของนักลงทุนต่างชาติ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยชี้นรำตลาด โดยเฉพาะในระยะสั้น
เพียงแต่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดเท่านั้น ตลาดหุ้นไทยกลับมามีเสน่ห์ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติอีกครั้งได้อย่างไร จึงเข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันฝุ่นตลบ ช่วยผลักดันดัชนี ฯ ที่ทำท่าจะหยุดวิ่ง ให้เดินหน้าต่อไป ปลุกความหวังนักลงทุนในประเทศ จนเชื่อกันว่า
1250 จุดคงจะได้เห็นกันในรอบนี้
เพียงแต่มีเสียงเตือนจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางคนว่า อย่าลืมขายทำกำไรกันบ้างนะ