"บี จิสติกส์" ผลักดัน "เดอะ เมกะวัตต์" เร่งต่อยอดและสร้างการเติบโตในธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ตามเมกะเทรนด์โลก เพื่อเป็นจิ๊กซอว์เสริมการเติบโตกลุ่มบีจิสติกส์อย่างมั่นคงในอนาคต จับมือกลุ่ม SP Group ซึ่งบริหารจัดการระบบพลังงานทั่วประเทศสิงคโปร์และในภูมิภาค ร่วมกันในการบริหารจัดการพลังงานใหม่ๆ ของภาครัฐและเอกชนในไทย
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.บี จิสติกส์ (B) เปิดเผยว่า บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบี จิสติกส์ ดำเนินธุรกิจสร้างและให้บริการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ และงานบริหารโครงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ (Engineering, procurement, and construction) ได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท สิงคโปร์ เพาเวอร์ เอนเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทลูกของกลุ่ม SP Group ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งบริหารจัดการระบบพลังงานทั่วประเทศสิงคโปร์ และในภูมิภาค ภายใต้กลุ่ม TEMASEK ของรัฐบาลสิงคโปร์
โดยขายสินทรัพย์ในโครงการโซลาร์รูฟท็อป KMS กำลังการผลิตไฟฟ้า 2.998 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป มิลคอนบูรพา กำลังการผลิตไฟฟ้า 0.998 เมกะวัตต์ ที่บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ลงทุนสร้างและทำสัญญาขายไฟฟ้าให้ภาคธุรกิจในจังหวัดระยอง ให้บริษัทสิงคโปร์ เพาเวอร์ เอนเนอร์จี (ประเทศไทย) จำกัด รับช่วงต่อในการบริหารสัญญาขายไฟฟ้าแทน
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้นำไปสู่การเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างเดอะ เมกะวัตต์ และ SP Group ในการต่อยอดการบริหารโครงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ใหม่ๆ และการทำธุรกิจร่วมกันในการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management) ให้ภาครัฐและเอกชนรายอื่นๆ ต่อไป
ดร.ปัญญา กล่าวว่า ปัจจุบัน เดอะ เมกะวัตต์ ยังได้จับมือกับพันธมิตรรายใหญ่ในธุรกิจพลังงานอีกหลายรายในการบริหารโครงการติดตั้งระบบโซลาร์ (Engineering, procurement, and construction) ทั้งระบบบนหลังคาอาคาร/โรงงาน (Solar Rooftop) ระบบบนหลังคาอาคารจอดรถ (Solar Carpark) ระบบฟาร์ม (Solar Farm)
และระบบแบบทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating) ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ เดอะ เมกะวัตต์ มีปริมาณงานโครงการ (Project Backlog) เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ เดอะ เมกะวัตต์ มีจุดแข็งในด้านการรักษาคุณภาพและมาตรฐานในการติดตั้ง รวมทั้งรักษาความปลอดภัยในการทำงานของระบบโซลาร์ จนเป็นที่มั่นใจของกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ โดยฐานลูกค้าที่เดอะ เมกะวัตต์ ดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์ครอบคลุมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการขนาดใหญ่ รวมถึงการติดตั้งระบบโซลาร์สำหรับป้อนให้ผู้จำหน่ายไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ
นอกจากนี้ เดอะ เมกะวัตต์ ยังได้ขยายธุรกิจไปทำตลาดระบบบริหาร และจัดการพลังงานภายในอาคาร การเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของอุปกรณ์หยุดการทำงานฉุกเฉิน (Rapid Shutdown) ของระบบโซลาร์ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญที่โครงการโซลาร์ขนาดใหญ่ต้องดำเนินการติดตั้ง
รวมทั้งยังทำตลาดแบตเตอรี่คุณภาพสูง โดยปัจจุบันมีโครงการร่วมกับพันธมิตรในประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้รถไฟฟ้า (EV) บางกลุ่ม รวมถึงการดำเนินธุรกิจจัดหาและจำหน่าย Renewable Energy Certificate (REC) ซึ่งเติบโตตามการพัฒนาระบบพลังงานสะอาดในประเทศและทั่วโลก ตามทิศทางของการลดปริมาณคาร์บอน
"การเติบโตของเดอะ เมกะวัตต์ ตามการขยายตัวตามเมกะเทรนด์ของธุรกิจพลังงาน และศักยภาพในการทำตลาดของเดอะ เมกะวัตต์ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบีจิสติกส์ และเสริมการเติบโตของบีจิสติกส์ นอกเหนือจากธุรกิจขนส่ง ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจการบริหารจัดการแหล่งน้ำในอนาคต" ดร.ปัญญา กล่าว