เปิดพอร์ตกองทุนต่างประเทศ "อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้" ของค่ายอเบอร์ดีน ผลตอบแทนนำโด่งย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.17% หลังตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียมาแรง
จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นช่วงที่ผ่านมา พบว่ากองทุนที่มีพอร์ตการลงทุนในเอเชียส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนออกมาค่อนข้างดี หากเทียบกับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในขณะเดียวกัน กองทุน FIF ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นในประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) ก็ให้ผลตอบแทนออกมาค่อนข้างดีเช่นกัน
ทั้งนี้ จากการรายงานผลการดำเนินงานกองทุน FIF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของ LIPPER ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ซึ่งบริหารจัดการกองทุนโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 5.17% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 8.68% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.81% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 10.80%
สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นและหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เช่น สิงคโปร์ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย เป็นต้น
อันดับ 2 กองทุนเปิดหน่วยลงทุน ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล ไฮดิวิเดนด์ ของบลจ.ไอเอ็นจี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 4.59% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.33% ย้อนหลัง 6 เดือน 3.38% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 6.79%
อันดับ 3 กองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอควิตี้ ของบลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 0.78% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.46% และย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน -2.66% ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก (Emerging Markets) เช่น ภูมิภาคเอเชีย ยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา เช่น จีน อินเดีย เกาหลี ไต้หวัน อิสราเอล รัส เซีย สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี ตุรกี บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา เวเนซุเอลา ชิลี ฯลฯ ทั้งที่จดทะเบียนในประเทศที่เป็นตลาด เกิดใหม่และที่จดทะเบียนในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งนี้ กองทุนยังสามารถลงทุนในหน่วยลงทุนตราสารแห่งทุนที่มี นโยบายลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ด้วย โดยในช่วงแรกจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมซึ่งบริหารและจัดการ หรือแนะนําโดยบริษัทจัดการลงทุนใน ต่างประเทศชั้นนําของโลกจํานวน 2 บริษัท คือ (1) IXIS Asset Management (2) Russell Investment Group
อันดับ 4 กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ ของบลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -0.42% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.47% และย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน -0.94% โดยกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด DIAM Global Fund-DIAM HIR Global Allocation Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก โดยกระจายการลงทุนตามสัดส่วนของดัชนี MSCI Kokusai Index
สำหรับอันดับ 5 คือ กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ ของบลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -0.51% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.32% และย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน -3.46%
จากการสำรวจผลการดำเนินงานของกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นช่วงที่ผ่านมา พบว่ากองทุนที่มีพอร์ตการลงทุนในเอเชียส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนออกมาค่อนข้างดี หากเทียบกับกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในขณะเดียวกัน กองทุน FIF ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นในประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) ก็ให้ผลตอบแทนออกมาค่อนข้างดีเช่นกัน
ทั้งนี้ จากการรายงานผลการดำเนินงานกองทุน FIF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของ LIPPER ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ซึ่งบริหารจัดการกองทุนโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 5.17% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 8.68% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.81% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 10.80%
สำหรับกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในประเทศสิงคโปร์ โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นและหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เช่น สิงคโปร์ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย เป็นต้น
อันดับ 2 กองทุนเปิดหน่วยลงทุน ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล ไฮดิวิเดนด์ ของบลจ.ไอเอ็นจี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 4.59% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.33% ย้อนหลัง 6 เดือน 3.38% และย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 6.79%
อันดับ 3 กองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอควิตี้ ของบลจ.วรรณ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 0.78% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.46% และย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน -2.66% ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่ลงทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก (Emerging Markets) เช่น ภูมิภาคเอเชีย ยุโรปตะวันออก และละตินอเมริกา เช่น จีน อินเดีย เกาหลี ไต้หวัน อิสราเอล รัส เซีย สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี ตุรกี บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา เวเนซุเอลา ชิลี ฯลฯ ทั้งที่จดทะเบียนในประเทศที่เป็นตลาด เกิดใหม่และที่จดทะเบียนในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งนี้ กองทุนยังสามารถลงทุนในหน่วยลงทุนตราสารแห่งทุนที่มี นโยบายลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ด้วย โดยในช่วงแรกจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมซึ่งบริหารและจัดการ หรือแนะนําโดยบริษัทจัดการลงทุนใน ต่างประเทศชั้นนําของโลกจํานวน 2 บริษัท คือ (1) IXIS Asset Management (2) Russell Investment Group
อันดับ 4 กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ ของบลจ.ทิสโก้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -0.42% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.47% และย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน -0.94% โดยกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด DIAM Global Fund-DIAM HIR Global Allocation Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลก โดยกระจายการลงทุนตามสัดส่วนของดัชนี MSCI Kokusai Index
สำหรับอันดับ 5 คือ กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ ของบลจ.เอ็มเอฟซี ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -0.51% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.32% และย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทน -3.46%