ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ได้ข้อสรุปสูตรซื้อขายสินทรัพย์รอการขาย หรือเอ็นพีเอที่ออกจากธนาคารพาณิชย์แล้ว เชื่อกระบวนการขายเอ็นพีเอจะเริ่มได้สิ้นปีนี้ และช่วยลดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลได้เร็วขึ้น มั่นใจเอ็นพีแอลจะลดลงได้ตามเป้าหมายร้อยละ 2 ในปี 2550 ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและดอกเบี้ยขาขึ้น มองว่าไม่กระทบทำให้ยอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันระหว่าง ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (เอเอ็มซี) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปสูตรการขายเอ็นพีเอและเอ็นพีแอล ที่ผ่านกระบวนการตัดสินของศาลได้เป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย และเชื่อว่ากระบวนการขายเอ็นพีเอออกจากธนาคารพาณิชย์จะเริ่มเกิดขึ้นได้และเห็นผลชัดเจนในสิ้นปี 2549 ซึ่งจะทำให้เอ็นพีแอลลดลงได้อย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ ที่ไม่มีการขายหนี้เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถตกลงเรื่องสูตรการขายกันได้ แต่ตอนนี้สามารถตกลงสูตรกันได้แล้ว เชื่อว่ากระบวนการขายเอ็นพีเอและหนี้เอ็นพีแอลจะลดลงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวยืนยันว่าจะสามารถลดเอ็นพีแอลให้เหลือร้อยละ 2 ในปี 2550 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนที่จะหมดวาระในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งหากไม่ได้ตามเป้าหมายเอ็นพีแอลอาจจะอยู่ที่ร้อยละ 2 เศษ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ สำหรับตัวเลขเอ็นพีแอลขณะนี้อยู่ที่ระดับร้อยละ 8 เศษเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าพอใจ เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เพราะหากเทียบกับช่วงแรกที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. เอ็นพีแอลอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 20 ของสินเชื่อรวม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบทำให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น เพราะถ้าดูจากตัวเลขเอ็นพีแอลจะเห็นว่ามีการปรับตัวลดลงมาตลอด ประกอบกับช่วงนี้ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อดีขึ้นและมีกระบวนการอนุมัติสินเชื่อที่ระมัดระวังมากขึ้น เชื่อว่าจะไม่ทำให้ปัญหาเอ็นพีแอลเกิดขึ้นเหมือนในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันระหว่าง ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (เอเอ็มซี) เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปสูตรการขายเอ็นพีเอและเอ็นพีแอล ที่ผ่านกระบวนการตัดสินของศาลได้เป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย และเชื่อว่ากระบวนการขายเอ็นพีเอออกจากธนาคารพาณิชย์จะเริ่มเกิดขึ้นได้และเห็นผลชัดเจนในสิ้นปี 2549 ซึ่งจะทำให้เอ็นพีแอลลดลงได้อย่างรวดเร็ว โดยก่อนหน้านี้ ที่ไม่มีการขายหนี้เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถตกลงเรื่องสูตรการขายกันได้ แต่ตอนนี้สามารถตกลงสูตรกันได้แล้ว เชื่อว่ากระบวนการขายเอ็นพีเอและหนี้เอ็นพีแอลจะลดลงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวยืนยันว่าจะสามารถลดเอ็นพีแอลให้เหลือร้อยละ 2 ในปี 2550 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนที่จะหมดวาระในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งหากไม่ได้ตามเป้าหมายเอ็นพีแอลอาจจะอยู่ที่ร้อยละ 2 เศษ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ สำหรับตัวเลขเอ็นพีแอลขณะนี้อยู่ที่ระดับร้อยละ 8 เศษเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างน่าพอใจ เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เพราะหากเทียบกับช่วงแรกที่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. เอ็นพีแอลอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 20 ของสินเชื่อรวม
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบทำให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น เพราะถ้าดูจากตัวเลขเอ็นพีแอลจะเห็นว่ามีการปรับตัวลดลงมาตลอด ประกอบกับช่วงนี้ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อดีขึ้นและมีกระบวนการอนุมัติสินเชื่อที่ระมัดระวังมากขึ้น เชื่อว่าจะไม่ทำให้ปัญหาเอ็นพีแอลเกิดขึ้นเหมือนในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540