ประธานชมรมโบรกเกอร์อนุพันธ์พอใจการซื้อขายในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ยังมั่นใจมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในปีนี้ยังอยู่ในระดับ 1 พันสัญญาต่อวัน แม้ช่วงที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายยังไม่มากนัก เล็งระบบมาร์เกตเมคเกอร์จะเข้ามากระตุ้นให้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น คาดจะเกิดขึ้นภายในปีนี้
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)ในฐานะชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเปิดเผยว่า หลังจากที่ตลาดอนุพันธ์ได้เปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 1 เดือนถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของจำนวนสัญญาที่ซื้อขาย และจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขาย ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และคาดว่าแนวโน้มตลาดอนุพันธ์มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
ทั้งนี้พบว่ามูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ระดับ 250 สัญญา ซึ่งยังมั่นใจว่าภายในปีนี้มีโอกาสที่จะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1 พันสัญญาต่อวันได้ ตามเป้าหมายที่บริษัทตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย)หรือ TFEXได้กำหนดไว้ เพราะยังมีระยะเวลาที่เหลืออีกหลายเดือนกว่าจะหมดปีนี้ การที่มูลค่าการซื้อขายยังไม่มากนัก เพราะตลาดอนุพันธ์เพิ่งจะเปิดให้บริการ ประกอบกับเปิดซื้อขายในช่วงเวลาที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่ซบเซา มีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง โดยสินค้าที่ตลาดอนุพันธ์ซื้อขายในขณะนี้จะเป็น SET 50 ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะตลาดหุ้น
นางภัทธีรากล่าวต่อว่า การซื้อขายในช่วงที่ผ่านมามีสัดส่วนของนักลงทุนประกอบด้วย นักลงทุนสถาบันในประเทศจำนวน 55% นักลงทุนต่างประเทศ 15% และนักลงทุนทั่วไปจำนวน 30% สาเหตุที่สัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศยังไม่มากนัก เพราะสภาพคล่องของตลาดอนุพันธ์ยังอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก แต่เชื่อว่าเมื่อนำระบบมาร์เกตเมคเกอร์เข้ามาช่วยจะทำให้สภาพคล่องในตลาดอนุพันธ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้จะต้องรอให้ TFEX มีการกำหนดกฎเกณฑ์เสียก่อน โดยเกณฑ์ดังกล่าวอาจจะมีสิ่งจูงใจให้โบรกเกอร์สนใจเข้ามาเป็นมาร์เกตเมคเกอร์ เหมือนกับตลาดอนุพันธ์ในต่างประเทศ โดยขณะนี้มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่แสดงความสนใจจะเข้ามาเป็นมาร์เกตเมคเกอร์เพียงแต่อยู่ระหว่างรอให้ TFEX ออกเกณฑ์ต่างๆ เสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะเกิดระบบมาร์เกตเมคเกอร์ภายในปีนี้ และจะช่วยกระตุ้นให้มีการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้น อาจจะทำให้ระบบมาร์เกตเมคเกอร์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ก็ได้ และก็หวังว่าในอนาคตสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนทั่วไปมีสัดส่วนที่เท่ากัน เพื่อจะทำให้สภาพตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ก็ยังมีแผนที่จะขยายฐานนักลงทุนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาโบรกเกอร์มีเวลาน้อยที่ให้นักลงทุนมาเปิดบัญชีซื้อขาย โดยลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจะได้แก่กลุ่มลูกค้าของโบรกเกอร์แต่ละแห่ง ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะโบรกเกอร์แต่ละแห่งจะมีฐานลูกค้าประมาณ 1 หมื่นราย และหลังจากนั้นเมื่อตลาดมีความสมบูรณ์ขึ้นก็เตรียมที่จะรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และชมรมยังอยู่ระหว่างขทำความเข้าใจในวิธีปฏิบัติเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน เช่นการชำระราคา การเรียกบัญชีมาร์จิ้นเป็นต้น
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)ในฐานะชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเปิดเผยว่า หลังจากที่ตลาดอนุพันธ์ได้เปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 1 เดือนถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของจำนวนสัญญาที่ซื้อขาย และจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขาย ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และคาดว่าแนวโน้มตลาดอนุพันธ์มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
ทั้งนี้พบว่ามูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ระดับ 250 สัญญา ซึ่งยังมั่นใจว่าภายในปีนี้มีโอกาสที่จะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1 พันสัญญาต่อวันได้ ตามเป้าหมายที่บริษัทตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย)หรือ TFEXได้กำหนดไว้ เพราะยังมีระยะเวลาที่เหลืออีกหลายเดือนกว่าจะหมดปีนี้ การที่มูลค่าการซื้อขายยังไม่มากนัก เพราะตลาดอนุพันธ์เพิ่งจะเปิดให้บริการ ประกอบกับเปิดซื้อขายในช่วงเวลาที่ไม่เอื้ออำนวย เพราะภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่ซบเซา มีมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง โดยสินค้าที่ตลาดอนุพันธ์ซื้อขายในขณะนี้จะเป็น SET 50 ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะตลาดหุ้น
นางภัทธีรากล่าวต่อว่า การซื้อขายในช่วงที่ผ่านมามีสัดส่วนของนักลงทุนประกอบด้วย นักลงทุนสถาบันในประเทศจำนวน 55% นักลงทุนต่างประเทศ 15% และนักลงทุนทั่วไปจำนวน 30% สาเหตุที่สัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศยังไม่มากนัก เพราะสภาพคล่องของตลาดอนุพันธ์ยังอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก แต่เชื่อว่าเมื่อนำระบบมาร์เกตเมคเกอร์เข้ามาช่วยจะทำให้สภาพคล่องในตลาดอนุพันธ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้จะต้องรอให้ TFEX มีการกำหนดกฎเกณฑ์เสียก่อน โดยเกณฑ์ดังกล่าวอาจจะมีสิ่งจูงใจให้โบรกเกอร์สนใจเข้ามาเป็นมาร์เกตเมคเกอร์ เหมือนกับตลาดอนุพันธ์ในต่างประเทศ โดยขณะนี้มีโบรกเกอร์หลายแห่งที่แสดงความสนใจจะเข้ามาเป็นมาร์เกตเมคเกอร์เพียงแต่อยู่ระหว่างรอให้ TFEX ออกเกณฑ์ต่างๆ เสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะเกิดระบบมาร์เกตเมคเกอร์ภายในปีนี้ และจะช่วยกระตุ้นให้มีการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าภาวะตลาดหุ้นกลับมาดีขึ้น อาจจะทำให้ระบบมาร์เกตเมคเกอร์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ก็ได้ และก็หวังว่าในอนาคตสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนทั่วไปมีสัดส่วนที่เท่ากัน เพื่อจะทำให้สภาพตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ
นอกจากนี้ชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ก็ยังมีแผนที่จะขยายฐานนักลงทุนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาโบรกเกอร์มีเวลาน้อยที่ให้นักลงทุนมาเปิดบัญชีซื้อขาย โดยลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจะได้แก่กลุ่มลูกค้าของโบรกเกอร์แต่ละแห่ง ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะโบรกเกอร์แต่ละแห่งจะมีฐานลูกค้าประมาณ 1 หมื่นราย และหลังจากนั้นเมื่อตลาดมีความสมบูรณ์ขึ้นก็เตรียมที่จะรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และชมรมยังอยู่ระหว่างขทำความเข้าใจในวิธีปฏิบัติเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน เช่นการชำระราคา การเรียกบัญชีมาร์จิ้นเป็นต้น