ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ในเครือฟิทช์ อิบคา จากอังกฤษ ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตในประเทศบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) เป็นลบ จากเดิม แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าว เป็นผลจากหนี้ค้างชำระของอิออน ที่แนวโน้มสูงขึ้น และสัดส่วนเงินรับชำระรายเดือนเมื่อเทียบยอดคงค้างบัตรเครดิต (monthly payment rate) แนวโน้มลดลงช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตในประเทศระยะยาวอิออน A- (tha) และอันดับเครดิตในประเทศระยะสั้น F 2 (tha) ฟิทช์กล่าวว่า หนี้ค้างชำระของอิออน อาจเพิ่มขึ้นปีนี้ เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น อัตราเติบโตเศรษฐกิจที่ชะลอ และภาระหนี้สินผู้บริโภคสูงขึ้น
ระดับหนี้ค้างชำระ หากยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตอิออนอนาคต นอกจากนี้ การออกมาตรการควบคุมธุรกิจโดยภาครัฐบาลไทยที่เข้มงวดขึ้น อาจส่งผลกระทบการเติบโตสินเชื่อ และความสามารถทำกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้อิออนผลประกอบการดีจนถึงปัจจุบัน คือการบริหารจัดการที่เข้มงวด โดยเฉพาะด้านปล่อยสินเชื่อ และเก็บหนี้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตข้างต้น ไม่ส่งผลกระทบอันดับเครดิตโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์อิออน
สินเชื่ออิออนขยายตัวมีนัยสำคัญ 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเช่าซื้อ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หากบวกกลับสินทรัพย์ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ สินเชื่อลูกหนี้เพิ่มขึ้น 39% ปี 2547 ปีประกอบการสิ้นสุดกุมภาพันธ์ 2548
แม้ยอดใช้สินเชื่อทั้งปีสูงกว่ามาก อิออนกำไรสุทธิปี 2547 ที่ 784 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ จาก 623 ล้านบาทปีก่อนหน้า เป็นผลเนื่องจากการเติบโตแข็งแกร่งรายได้ธุรกิจบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม การที่เพดานดอกเบี้ยเก็บจากสินเชื่อบัตรเครดิตถูกจำกัดที่ 18% ต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของหนี้ค้างชำระ อาจส่งผลกระทบความสามารถทำกำไรปีประกอบการ 2548
หนี้ค้างชำระรวมหนี้ที่ตัดเป็นหนี้สูญ 9% ของยอดเฉลี่ยสินเชื่อลูกหนี้ ณ สิ้นปี เมื่อพิจารณาอัตราจ่ายคืนหนี้ที่สูง และระยะผ่อนชำระหนี้ที่สั้นของสินเชื่อประเภทนี้ หนี้ที่ตัดเป็นหนี้สูญสะสม อาจส่งผลให้การประเมินระดับหนี้ค้างชำระของอิออนสูงกว่าระดับที่ควรจะเป็น
หนี้ค้างชำระแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลด้วยช่วงกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มโดยรวมระดับหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนเงินรับชำระรายเดือนเมื่อเทียบยอดคงค้าง ลดลงตั้งแต่ปี 2544 การเติบโตสูงมาก และการขยายตลาดสู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิต ที่ผันผวนมาก ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ปัจจัยเหล่านี้ อาจส่งผลหนี้ค้างชำระสูงขึ้นได้ ภาระหนี้สินผู้บริโภค และค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยง ในแง่คุณภาพสินทรัพย์อาจถดถอยอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายได้น้อยของอิออน
อิออนได้แปลงสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักทรัพย์ 2 พันล้านบาทกุมภาพันธ์ 2547 และแปลงสินเชื่อบัตรเครดิตเป็นหลักทรัพย์ 3 พันล้านบาทกุมภาพันธ์ 2548 ผลกระทบโดยทั่วไปจากโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ต่อความสามารถทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ ค่อนข้างเป็นกลาง น่าจะส่งผลบวกต่อสภาพคล่อง และเงินกองทุนบริษัท
ขณะที่อิออนสถานะการเงินค่อนข้างไม่อิงสินเชื่อที่ถูกแปลงเป็นหลักทรัพย์ บริษัทยังคงมีความเสี่ยงในรูปหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 1.3 พันล้านบาท ที่ให้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ส่วนผู้ถือหุ้นอิออน สิ้นกุมภาพันธ์ 2.5 พันล้านบาท อิออนเงินกองทุนต่อสินเชื่อ 16% สิ้นกุมภาพันธ์ ขณะที่ความสามารถจัดสรรผลกำไรไปยังเงินกองทุนของอิออน ยังสูง อัตราจ่ายเงินปันผลที่สูง และระดับหนี้ค้างชำระที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบระดับเงินกองทุนอนาคตได้
การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าว เป็นผลจากหนี้ค้างชำระของอิออน ที่แนวโน้มสูงขึ้น และสัดส่วนเงินรับชำระรายเดือนเมื่อเทียบยอดคงค้างบัตรเครดิต (monthly payment rate) แนวโน้มลดลงช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตในประเทศระยะยาวอิออน A- (tha) และอันดับเครดิตในประเทศระยะสั้น F 2 (tha) ฟิทช์กล่าวว่า หนี้ค้างชำระของอิออน อาจเพิ่มขึ้นปีนี้ เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น อัตราเติบโตเศรษฐกิจที่ชะลอ และภาระหนี้สินผู้บริโภคสูงขึ้น
ระดับหนี้ค้างชำระ หากยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตอิออนอนาคต นอกจากนี้ การออกมาตรการควบคุมธุรกิจโดยภาครัฐบาลไทยที่เข้มงวดขึ้น อาจส่งผลกระทบการเติบโตสินเชื่อ และความสามารถทำกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้อิออนผลประกอบการดีจนถึงปัจจุบัน คือการบริหารจัดการที่เข้มงวด โดยเฉพาะด้านปล่อยสินเชื่อ และเก็บหนี้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้ การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตข้างต้น ไม่ส่งผลกระทบอันดับเครดิตโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์อิออน
สินเชื่ออิออนขยายตัวมีนัยสำคัญ 4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเช่าซื้อ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล หากบวกกลับสินทรัพย์ภายใต้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ สินเชื่อลูกหนี้เพิ่มขึ้น 39% ปี 2547 ปีประกอบการสิ้นสุดกุมภาพันธ์ 2548
แม้ยอดใช้สินเชื่อทั้งปีสูงกว่ามาก อิออนกำไรสุทธิปี 2547 ที่ 784 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ จาก 623 ล้านบาทปีก่อนหน้า เป็นผลเนื่องจากการเติบโตแข็งแกร่งรายได้ธุรกิจบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม การที่เพดานดอกเบี้ยเก็บจากสินเชื่อบัตรเครดิตถูกจำกัดที่ 18% ต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของหนี้ค้างชำระ อาจส่งผลกระทบความสามารถทำกำไรปีประกอบการ 2548
หนี้ค้างชำระรวมหนี้ที่ตัดเป็นหนี้สูญ 9% ของยอดเฉลี่ยสินเชื่อลูกหนี้ ณ สิ้นปี เมื่อพิจารณาอัตราจ่ายคืนหนี้ที่สูง และระยะผ่อนชำระหนี้ที่สั้นของสินเชื่อประเภทนี้ หนี้ที่ตัดเป็นหนี้สูญสะสม อาจส่งผลให้การประเมินระดับหนี้ค้างชำระของอิออนสูงกว่าระดับที่ควรจะเป็น
หนี้ค้างชำระแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลด้วยช่วงกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มโดยรวมระดับหนี้ค้างชำระเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนเงินรับชำระรายเดือนเมื่อเทียบยอดคงค้าง ลดลงตั้งแต่ปี 2544 การเติบโตสูงมาก และการขยายตลาดสู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิต ที่ผันผวนมาก ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ปัจจัยเหล่านี้ อาจส่งผลหนี้ค้างชำระสูงขึ้นได้ ภาระหนี้สินผู้บริโภค และค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยง ในแง่คุณภาพสินทรัพย์อาจถดถอยอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายได้น้อยของอิออน
อิออนได้แปลงสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักทรัพย์ 2 พันล้านบาทกุมภาพันธ์ 2547 และแปลงสินเชื่อบัตรเครดิตเป็นหลักทรัพย์ 3 พันล้านบาทกุมภาพันธ์ 2548 ผลกระทบโดยทั่วไปจากโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ต่อความสามารถทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ ค่อนข้างเป็นกลาง น่าจะส่งผลบวกต่อสภาพคล่อง และเงินกองทุนบริษัท
ขณะที่อิออนสถานะการเงินค่อนข้างไม่อิงสินเชื่อที่ถูกแปลงเป็นหลักทรัพย์ บริษัทยังคงมีความเสี่ยงในรูปหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 1.3 พันล้านบาท ที่ให้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ส่วนผู้ถือหุ้นอิออน สิ้นกุมภาพันธ์ 2.5 พันล้านบาท อิออนเงินกองทุนต่อสินเชื่อ 16% สิ้นกุมภาพันธ์ ขณะที่ความสามารถจัดสรรผลกำไรไปยังเงินกองทุนของอิออน ยังสูง อัตราจ่ายเงินปันผลที่สูง และระดับหนี้ค้างชำระที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบระดับเงินกองทุนอนาคตได้