เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ (KPN) ผู้นำธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์เมืองไทย ปี 47 ฟันรายได้ 1,783.6 ล้านบาท สูงขึ้นกว่า 117% จากปี 46 กำไรสุทธิ 1,11.3 ล้านบาท โตจากปี 46 ถึง 587% เป็นผลจากการเติบโตธุรกิจยานยนต์ระดับมหภาค และควบรวมกิจการในเครือบริษัท คาดบริษัทจะเติบโตรายได้ราว 40% ปีนี้
นายกฤษณ์ ณรงค์เดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) (KPN) กล่าวว่าปี 2547 บริษัทมีรายได้ 1,783.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 117% จากปี 2546 กำไรสุทธิ 1,11.3 ล้านบาท
แบ่งเป็น รายได้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป 52% ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 24% แฟรนไชส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ 8% ธุรกิจคลังสินค้าและกระจายสินค้า 16%
ผลประกอบการปี 2547 ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป สร้างรายได้ให้ KPN สูงสุดถึง 907.6 ล้านบาท ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกทำรายได้ 423.9ล้านบาท แฟรนไซส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ 134.1 ล้านบาท ธุรกิจคลังสินค้าและกระจายสินค้า 284.9 ล้านบาท
นายกฤษณ์กล่าวถึงปัจจัยการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการบริษัทปี 2547 ว่าอัตราเติบโตรายได้จากการขายและให้บริการของบริษัท และบริษัทย่อย กลุ่มธุรกิจ เติบโตสูง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อีกทั้งแรงสนับสนุนภาครัฐ ส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ระดับโลก (Detroit of Asia) และการขยายตัวอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
นอกจากความสำเร็จจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและการสนับสนุนของภาครัฐ การดำเนินนโยบายบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพหลังปรับโครงสร้างบริษัทปี 2546 ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนขายและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทปี 2547 อยู่ที่ 19.8% เพิ่มขึ้นจาก 17.1% ปี 2546 นายกฤษณ์กล่าว
ปีนี้ บริษัทมั่นใจอย่างยิ่ง ว่าผลประกอบการบริษัทจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ส่งออกชิ้นส่วนช่วงล่าง และระบบเคลื่อนยานยนต์ ไปตลาดต่างประเทศ เป็นผลจากข้อตกลงแลกเปลี่ยนการค้า (FTA) กับออสเตรเลีย
เขาเชื่อมั่นว่าจะส่งผลยอดส่งออกบริษัทปีนี้ เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100% ยังมีการขยายตัวอย่างมากจากลูกค้านานาชาติ (Multi-National Companies) ธุรกิจลอจิสติกส์ และผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทเติบโตรายได้รวมราว 40% ปีนี้ นายกฤษณ์กล่าว
บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นผู้ผลิตสินค้าต้นแบบ (OEM) ให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ และบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำต่างๆ ได้แก่ ผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป ชิ้นส่วนพลาสติก เพื่อเป็นส่วนประกอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ คลังสินค้าและกระจายสินค้า
นายกฤษณ์ ณรงค์เดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) (KPN) กล่าวว่าปี 2547 บริษัทมีรายได้ 1,783.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 117% จากปี 2546 กำไรสุทธิ 1,11.3 ล้านบาท
แบ่งเป็น รายได้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป 52% ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 24% แฟรนไชส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ 8% ธุรกิจคลังสินค้าและกระจายสินค้า 16%
ผลประกอบการปี 2547 ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป สร้างรายได้ให้ KPN สูงสุดถึง 907.6 ล้านบาท ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกทำรายได้ 423.9ล้านบาท แฟรนไซส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ 134.1 ล้านบาท ธุรกิจคลังสินค้าและกระจายสินค้า 284.9 ล้านบาท
นายกฤษณ์กล่าวถึงปัจจัยการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการบริษัทปี 2547 ว่าอัตราเติบโตรายได้จากการขายและให้บริการของบริษัท และบริษัทย่อย กลุ่มธุรกิจ เติบโตสูง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย อีกทั้งแรงสนับสนุนภาครัฐ ส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ระดับโลก (Detroit of Asia) และการขยายตัวอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
นอกจากความสำเร็จจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายและการสนับสนุนของภาครัฐ การดำเนินนโยบายบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพหลังปรับโครงสร้างบริษัทปี 2546 ทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนขายและให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทปี 2547 อยู่ที่ 19.8% เพิ่มขึ้นจาก 17.1% ปี 2546 นายกฤษณ์กล่าว
ปีนี้ บริษัทมั่นใจอย่างยิ่ง ว่าผลประกอบการบริษัทจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ส่งออกชิ้นส่วนช่วงล่าง และระบบเคลื่อนยานยนต์ ไปตลาดต่างประเทศ เป็นผลจากข้อตกลงแลกเปลี่ยนการค้า (FTA) กับออสเตรเลีย
เขาเชื่อมั่นว่าจะส่งผลยอดส่งออกบริษัทปีนี้ เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 100% ยังมีการขยายตัวอย่างมากจากลูกค้านานาชาติ (Multi-National Companies) ธุรกิจลอจิสติกส์ และผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทเติบโตรายได้รวมราว 40% ปีนี้ นายกฤษณ์กล่าว
บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นผู้ผลิตสินค้าต้นแบบ (OEM) ให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ และบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำต่างๆ ได้แก่ ผลิตชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป ชิ้นส่วนพลาสติก เพื่อเป็นส่วนประกอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ค้าอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์ คลังสินค้าและกระจายสินค้า