บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) บริษัทปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของไทย ประกาศตัวเลขผลประกอบการปี 2547 กำไรสุทธิ 4,141 ล้านบาท รายได้จากการขายสุทธิ 20,772 ล้านบาท กำไรสุทธิ สูงกว่าปี 46 ที่ทำได้ 3,288 ล้านบาท ถึง 26%
“เรารู้สึกพอใจในตัวเลขผลประกอบการของบริษัทปี 2547 เป็นอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 5 ปีซ้อน โดยผลประกอบการล่าสุดของบริษัท ปรับตัวสูงขึ้นถึง 4 เท่าตัวจากปี 2543” นายลีโอ มิทเทลโฮลเซอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงกล่าว
ปี 2547 กิจการของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง รายได้จากการขายสุทธิมากกว่าปี 2546 ซึ่งทำได้ที่ 17,469 ล้านบาท เกือบ 20% กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปี 2547 เท่ากับ 7,256 ล้านบาท สูงกว่าปี 2546 ที่ 6,018 ล้านบาท ถึง 21%
บริษัทจ่ายเงินปันผลเฉพาะกาลไปแล้ว 6 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 เงินปันผลงวดสุดท้ายปี 2547 จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่ออนุมัติ มีนาคม 2548 บริษัทจ่ายเงินปันผล 9 บาท และ 8 บาทต่อหุ้น ปี 2546 และ 2545 ตามลำดับ
บริษัทยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์และปูนเม็ดปี 2547 ทั้งสิ้น 10.4 ล้านตัน แบ่งเป็น ยอดจำหน่ายในประเทศ 7.1 ล้านตัน ยอดจำหน่ายต่างประเทศ 3.3 ล้านตัน ไตรมาส 4 ปี 2547 ความต้องการปูนซีเมนต์และปูนเม็ดเพิ่มขึ้นมาก
ส่งผลบริษัทต้องเปิดโรงงานที่ 1 อีกครั้ง หลังหยุดการผลิตโรงงานดังกล่าวมานาน เป็นการขยายกำลังผลิตเต็มที่ เพื่อให้ทันความต้องการ ปัจจุบัน บริษัทกำลังผลิตปูนซีเมนต์ 14.5 ล้านตันต่อปี
ต้นทุนพลังงานและการขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวมปีที่ผ่านมา คงจะมีผลต่อเนื่องปีนี้ด้วย โดยราคาขายปูนซีเมนต์ในตลาด ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การดำเนินการเต็มกำลังผลิต จึงสำคัญต่อการลดค่าใช้จ่ายต้นทุน (economies of scale) รวมทั้งนำโครงการเชื้อเพลิง และวัตถุดิบทดแทน (Alternative Fuels and Raw Materials-AFR) ใช้เพื่อจะควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิง นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าว
ปี 2547 โครงการ AFR ทำให้บริษัทประหยัดค่าใช่จ่ายพลังงานได้ถึง 6% ขณะนี้ บริษัทตั้งหน่วยงานเฉพาะ เพื่อดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากโครงการ AFR
นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าวอีกว่า “บริษัทในเครือของเรา มีผลดำเนินงานดีปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนวูด (ConWOOD) ผู้ผลิตวัสดุที่นำมาใช้ทดแทนไม้นานาชนิด ที่ได้รับการตอบสนองอย่างดีจากตลาดต่อเนื่อง เราจึงเพิ่มการลงทุนบริษัทดังกล่าว เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่า คือกำลังผลิตถึง 90,000 ตัน ภายในกลางปีนี้
“เรายังพอใจกับการเติบโตในธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูป โดยธุรกิจนี้ เติบโตปีที่แล้วประมาณ 30% ซึ่งคาดว่าจะเติบโตระดับเดียวกันปีนี้ พร้อมกันนี้ เราจะพยายามขยายตลาดบริษัท นครหลวงคอนกรีต เพื่อเพิ่มมูลค่าบริการของเราแก่ลูกค้า”
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง ขายหุ้นบริษัท รอยัล ปอร์ชเลน วันที่ 30 ธันวาคม 2547 ซึ่งสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักบริษัทเพียงอย่างเดียว
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงก่อตั้งปี 2512 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2520 บริษัท โฮลซิม จากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลก ร่วมถือหุ้น SCCC ปี 2541 ปี 2546 บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทดีที่สุดในประเทศไทย (The Best Company in Thailand) ในการสำรวจประจำปีนิตยสารยูโรมันนี่ (Annual Euromoney Asian company survey)
“เรารู้สึกพอใจในตัวเลขผลประกอบการของบริษัทปี 2547 เป็นอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 5 ปีซ้อน โดยผลประกอบการล่าสุดของบริษัท ปรับตัวสูงขึ้นถึง 4 เท่าตัวจากปี 2543” นายลีโอ มิทเทลโฮลเซอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงกล่าว
ปี 2547 กิจการของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง รายได้จากการขายสุทธิมากกว่าปี 2546 ซึ่งทำได้ที่ 17,469 ล้านบาท เกือบ 20% กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปี 2547 เท่ากับ 7,256 ล้านบาท สูงกว่าปี 2546 ที่ 6,018 ล้านบาท ถึง 21%
บริษัทจ่ายเงินปันผลเฉพาะกาลไปแล้ว 6 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 เงินปันผลงวดสุดท้ายปี 2547 จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่ออนุมัติ มีนาคม 2548 บริษัทจ่ายเงินปันผล 9 บาท และ 8 บาทต่อหุ้น ปี 2546 และ 2545 ตามลำดับ
บริษัทยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์และปูนเม็ดปี 2547 ทั้งสิ้น 10.4 ล้านตัน แบ่งเป็น ยอดจำหน่ายในประเทศ 7.1 ล้านตัน ยอดจำหน่ายต่างประเทศ 3.3 ล้านตัน ไตรมาส 4 ปี 2547 ความต้องการปูนซีเมนต์และปูนเม็ดเพิ่มขึ้นมาก
ส่งผลบริษัทต้องเปิดโรงงานที่ 1 อีกครั้ง หลังหยุดการผลิตโรงงานดังกล่าวมานาน เป็นการขยายกำลังผลิตเต็มที่ เพื่อให้ทันความต้องการ ปัจจุบัน บริษัทกำลังผลิตปูนซีเมนต์ 14.5 ล้านตันต่อปี
ต้นทุนพลังงานและการขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวมปีที่ผ่านมา คงจะมีผลต่อเนื่องปีนี้ด้วย โดยราคาขายปูนซีเมนต์ในตลาด ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การดำเนินการเต็มกำลังผลิต จึงสำคัญต่อการลดค่าใช้จ่ายต้นทุน (economies of scale) รวมทั้งนำโครงการเชื้อเพลิง และวัตถุดิบทดแทน (Alternative Fuels and Raw Materials-AFR) ใช้เพื่อจะควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิง นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าว
ปี 2547 โครงการ AFR ทำให้บริษัทประหยัดค่าใช่จ่ายพลังงานได้ถึง 6% ขณะนี้ บริษัทตั้งหน่วยงานเฉพาะ เพื่อดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากโครงการ AFR
นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าวอีกว่า “บริษัทในเครือของเรา มีผลดำเนินงานดีปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนวูด (ConWOOD) ผู้ผลิตวัสดุที่นำมาใช้ทดแทนไม้นานาชนิด ที่ได้รับการตอบสนองอย่างดีจากตลาดต่อเนื่อง เราจึงเพิ่มการลงทุนบริษัทดังกล่าว เพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่า คือกำลังผลิตถึง 90,000 ตัน ภายในกลางปีนี้
“เรายังพอใจกับการเติบโตในธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูป โดยธุรกิจนี้ เติบโตปีที่แล้วประมาณ 30% ซึ่งคาดว่าจะเติบโตระดับเดียวกันปีนี้ พร้อมกันนี้ เราจะพยายามขยายตลาดบริษัท นครหลวงคอนกรีต เพื่อเพิ่มมูลค่าบริการของเราแก่ลูกค้า”
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง ขายหุ้นบริษัท รอยัล ปอร์ชเลน วันที่ 30 ธันวาคม 2547 ซึ่งสะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักบริษัทเพียงอย่างเดียว
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงก่อตั้งปี 2512 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2520 บริษัท โฮลซิม จากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลก ร่วมถือหุ้น SCCC ปี 2541 ปี 2546 บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทดีที่สุดในประเทศไทย (The Best Company in Thailand) ในการสำรวจประจำปีนิตยสารยูโรมันนี่ (Annual Euromoney Asian company survey)