เอ็มดี บล.ไทยพาณิชย์ “มล. ชโยทิต กฤดากร” กระตุ้นบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)-บริษัทที่ปรึกษาการเงิน เลือกบริษัทคุณภาพเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มิฉะนั้น จะทำให้ตลาดทุนไทยประสบปัญหา นักลงทุนไม่กล้าเข้าลงทุน
มล. ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่าปัญหาหุ้นจองราคาปรับตัวลดต่ำกว่าราคาจองช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการนำบริษัทที่ไม่ค่อยมีคุณภาพเข้าจดทะเบียน หรือเป็นบริษัทขนาดเล็ก นักลงทุนสถาบันไม่สนใจเท่าที่ควร
"ช่วงที่ผ่านมา มีบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนบางบริษัท จะเป็นลักษณะที่ต้องพึ่งพาผู้บริหารเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าผู้บริหารรายนั้นลาออกไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทได้ หรืออาจจะมีบางบริษัท ที่กำหนดราคาจองที่ระดับสูง และเมื่อหุ้นเข้ามาจดทะเบียนแล้ว ผู้ถือหุ้นเดิมก็ขายออกมา หรือเลิกทำธุรกิจ ทำให้นักลงทุนได้รับความเสียหาย ซึ่งถือว่าคิดผิด และไม่มีความเข้าใจการเข้าตลาดหุ้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว การเข้าจดทะเบียนในตลาดทุนนั้น ไม่ใช่เช่นนั้น แต่จะเป็นการระดมทุนเพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจ" ม.ล.ชโยทิตกล่าว
เขาแนะว่าบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทที่ปรึกษาการเงิน ควรจะมีความรับผิดชอบ นำบริษัทคุณภาพดีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะถ้านักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นจองแล้ว ได้รับความเสียหาย อาจจะทำให้นักลงทุนไม่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบภาพรวมตลาดทุนไทยได้
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา การแข่งขันธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นมาก และมีการตัดราคาค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงิน นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหลายบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเลือกใช้ที่ปรึกษาการเงิน ที่คิดค่าธรรมเนียมอัตราต่ำ
โดยไม่ได้พิจารณาคุณภาพให้บริการ
"การที่ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะขยายฐานนักลงทุน ก็ต้องปกป้องการลงทุนของนักลงทุนด้วย เพราะมิฉะนั้น นักลงทุนจะไม่กล้าเข้ามาลงทุน" ม.ล.ชโยทิตกล่าว
ช่วงที่ผ่านมา บล.ไทยพาณิชย์ก็ได้ศึกษาค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงินหุ้นขนาดกลางและเล็ก เห็นว่ามีการตัดค่าธรรมเนียมเป็นที่ปรึกษาการเงินกันมาก ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า จึงเห็นได้ว่าบริษัทเลือกจะนำบริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียน
แม้จะมีไม่กี่บริษัทในไทย แต่เขามองว่า รายได้จะเท่ากับ หรือใกล้เคียงบริษัทหลักทรัพย์
ที่มีลูกค้าขนาดกลาง หรือเล็กหลายบริษัท นอกจากนี้ เขาเห็นว่าหุ้นที่มีขนาด 200-300 ล้านบาท จะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน เพราะถือเป็นหุ้นขนาดเล็กเกินไป
มล. ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่าปัญหาหุ้นจองราคาปรับตัวลดต่ำกว่าราคาจองช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากการนำบริษัทที่ไม่ค่อยมีคุณภาพเข้าจดทะเบียน หรือเป็นบริษัทขนาดเล็ก นักลงทุนสถาบันไม่สนใจเท่าที่ควร
"ช่วงที่ผ่านมา มีบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนบางบริษัท จะเป็นลักษณะที่ต้องพึ่งพาผู้บริหารเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าผู้บริหารรายนั้นลาออกไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทได้ หรืออาจจะมีบางบริษัท ที่กำหนดราคาจองที่ระดับสูง และเมื่อหุ้นเข้ามาจดทะเบียนแล้ว ผู้ถือหุ้นเดิมก็ขายออกมา หรือเลิกทำธุรกิจ ทำให้นักลงทุนได้รับความเสียหาย ซึ่งถือว่าคิดผิด และไม่มีความเข้าใจการเข้าตลาดหุ้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว การเข้าจดทะเบียนในตลาดทุนนั้น ไม่ใช่เช่นนั้น แต่จะเป็นการระดมทุนเพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจ" ม.ล.ชโยทิตกล่าว
เขาแนะว่าบริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทที่ปรึกษาการเงิน ควรจะมีความรับผิดชอบ นำบริษัทคุณภาพดีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะถ้านักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นจองแล้ว ได้รับความเสียหาย อาจจะทำให้นักลงทุนไม่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบภาพรวมตลาดทุนไทยได้
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา การแข่งขันธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นมาก และมีการตัดราคาค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงิน นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหลายบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเลือกใช้ที่ปรึกษาการเงิน ที่คิดค่าธรรมเนียมอัตราต่ำ
โดยไม่ได้พิจารณาคุณภาพให้บริการ
"การที่ตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะขยายฐานนักลงทุน ก็ต้องปกป้องการลงทุนของนักลงทุนด้วย เพราะมิฉะนั้น นักลงทุนจะไม่กล้าเข้ามาลงทุน" ม.ล.ชโยทิตกล่าว
ช่วงที่ผ่านมา บล.ไทยพาณิชย์ก็ได้ศึกษาค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงินหุ้นขนาดกลางและเล็ก เห็นว่ามีการตัดค่าธรรมเนียมเป็นที่ปรึกษาการเงินกันมาก ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า จึงเห็นได้ว่าบริษัทเลือกจะนำบริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียน
แม้จะมีไม่กี่บริษัทในไทย แต่เขามองว่า รายได้จะเท่ากับ หรือใกล้เคียงบริษัทหลักทรัพย์
ที่มีลูกค้าขนาดกลาง หรือเล็กหลายบริษัท นอกจากนี้ เขาเห็นว่าหุ้นที่มีขนาด 200-300 ล้านบาท จะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน เพราะถือเป็นหุ้นขนาดเล็กเกินไป