คอลัมน์ “Final Whistle" โดย "ผู้เล่นคนที่ 12"
ปี 2025 ถือเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยได้จารึกหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ในเส้นทาง "เวิลด์ กรังด์ปรีซ์"
"ก้อง" สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยวัย 26 ปี คือนักบิดไทยคนแรก ที่ก้าวขึ้นสู่คลาสสูงสุดของศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกอย่าง "โมโตจีพี" ซึ่งแน่นอนว่าคือฝันที่เป็นจริงของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
นี่คือการต่อสู้อย่างหนักของ "ก้อง-สมเกียรติ" หลังจากประสบความสำเร็จใน โมโตทู ทั้งการคว้าชัยชนะ โพเดียม ตำแหน่งโพล และสถิติในหลายสนาม
ใน โมโตจีพี ที่รายล้อมไปด้วยนักบิดระดับพระกาฬของโลกไม่ใช่เรื่องง่าย และการคว้าแต้มมาได้ 7 คะแนน ท่ามกลางสถานการณ์ที่อาการบาดเจ็บรบกวนในปีแรกของ "ก้อง-สมเกียรติ" นับว่าไม่ธรรมดา เพราะนั่นหมายความว่า ชื่อคนไทยได้ถูกบันทึกอย่างเป็นทางการ ใน "แชมเปี้ยนชิพ"
และแน่นอนด้วยศักยภาพของ "ก้อง-สมเกียรติ" ทำให้เขาได้รับโอกาสและความท้าทายใหม่จากทีมโรงงาน ฮอนด้า เอชอาร์ซี ในฐานะนักบิดของทีมในศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2026
นอกจากนี้ ยังเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์เช่นกันที่มีนักแข่งชาวไทยลงแข่งขันใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ครบทุกรุ่น เพราะนอกจาก "ก้อง-สมเกียรติ" ใน โมโตจีพี แล้ว เรายังมี 2 นักบิดไทยในคลาสกลางและคลาสเล็กอย่าง "ชิพ" นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ที่ร่วมสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ลุยศึก โมโตทู และ "ก๊องส์" ธัชกร บัวศรี ในศึก โมโตทรี กับ ฮอนด้า ทีม เอเชีย เช่นกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีเรื่องราวยิ่งใหญ่แบบนี้ เกิดขึ้นกับประเทศที่ไม่ใช่มหาอำนาจด้านมอเตอร์สปอร์ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจาก "อาเซียน" ซึ่งหากเทียบกับยักษ์ใหญ่ในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น สเปน, อิตาลี หรือแม้กระทั่ง ญี่ปุ่น แล้ว... เราถือว่ามีขนาดของอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่ามาก
โดยนอกจาก โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี แล้ว ในปีนี้ยังมีเด็กไทยอย่าง "ไม้คิว" เกียรติศักดิ์ สิงหพงศ์ ดาวรุ่งเลือดใหม่จาก "ไทยฮอนด้า" ซึ่งโลดแล่นอยู่ในเส้นทาง "โร้ด ทู โมโตจีพี" อย่างรายการ จูเนียร์จีพี และ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ซึ่งเจ้าตัวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทุกครั้งที่ลงสนาม และเดินหน้าเก็บแต้มมาได้อย่างต่อเนื่อง
"ไม้คิว- เกียรติศักดิ์" นับเป็นดาวรุ่งเลือดใหม่ที่มีพัฒนาโดดเด่น โดยเฉพาะการเรียนรู้และยกระดับผลงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จบการแข่งขัน เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ด้วยอันดับท็อปเท็นหลายครั้ง ผลงานดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 4 ที่ เลอมองส์ เซอร์กิต ประเทศฝรั่งเศส และจบดูกาลด้วยการรั้งอันดับ 15 ของโลก มีทั้งสิ้น 58 คะแนน
ส่วนในการแข่งขัน จูเนียร์จีพี เวทีที่เข้มข้นที่สุดของศึกดาวรุ่งชิงแชมป์โลก "ไม้คิว-เกียรติศักดิ์" ต้องเจอบททดสอบอย่างหนัก ที่ต้องปรับทั้งทักษะการขับขี่ สนามแข่งที่ไม่เคยลงบิดมาก่อน รวมถึงการเซ็ตอัพรถแข่งร่วมกับทีมช่าง ซึ่งดาวรุ่งชาวไทยก็ปรับตัวและเรียนรู้ได้ดี เก็บมาได้ทั้งสิ้น 8 แต้มในปีนี้ รั้งอันดับ 23 บนตารางคะแนนสะสม
นอกจากนี้ยังมีนักบิดเลื่อนชั้นขึ้นสู่เวทีดาวรุ่งในระดับเอเชียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ซึ่งถือเป็นรายการสุดแข็งแกร่งในภูมิภาคของเรา ก่อนขยับขึ้นสู่เวทีดาวรุ่งชิงแชมป์โลก
ขณะเดียวกัน รายการ "ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ" ก็เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับเยาวชนนักบิดไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นของนักแข่งระดับยุวชน
สรุป 2025 ถือเป็นปีที่วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไดมีการเจียระไน "เพชรเม็ดงาม" ขึ้นมามากมายและสิ่งนี้เองถือเป็นการสานฝันให้นักบิดไทยที่ถือว่ามีหลากหลายคนเลยทีเดียวที่มีศักยภาพรอให้ผลักดัน


