“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย ไม่ปิดโอกาสรีเทิร์นสู่ทีมชาติไทย ในฐานะโค้ช เผยเวลานี้ขอเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานโค้ชให้เต็มที่ หากอนาคตสมาคมกีฬาเทควันโดฯติดต่อให้ไปช่วยงานโค้ชทีมชาติ ตนเองก็ยินดี มั่นใจในรุ่น 49 กก. จะมีกำลังสำคัญ ที่ก้าวมาทำหน้าที่แทนตนเองหลังเลิกเล่นได้อย่างแน่นอน เพียงแต่อาจต้องรอเวลาและให้เวลาทุกคนในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมืออีกสักหน่อย
“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อดีตจอมเตะทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ปี 2020 และ 2024 เปิดเผยว่า ในการแข่งขันเทควันโด “แบงค็อก 2025 เวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์ ชาลเลนจ์ ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ซึ่งไทยมีโอกาสได้จัดเกมระดับนานาชาติในรอบกว่า 10 ปี แมตช์นี้ตนเองได้ติดตามชมการแข่งขันด้วย ซึ่งก็ยอมรับว่าอดคิดถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยเป็นนักกีฬาไม่ได้เหมือนกัน
พาณิภัค เผยอีกว่า แมตช์ดังกล่าวที่เพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นแมตช์ที่หินเหมือนกัน เพราะมีนักกีฬาระดับโลกมากันเพียบ ทั้ง เกาหลีใต้, จีน, บราซิล หรือชาติต่างๆ ล้วนส่งนักกีฬามือ 1 ของชาติตัวเองมาแข่งขันเกือบทั้งหมด สำหรับนักกีฬาไทย หลายๆคนทำได้ดีขึ้นจากตอนแรกที่เริ่มไต่เต้าขึ้นมา คิดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน น่าจะเห็นหลายๆคนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักทีมชาติไทย และทดแทนตนเองได้อย่างแน่นอน และขอให้ทุกคนตั้งใจอดทนฝึกซ้อม และมุ่งมั่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง
“ส่วนรุ่น 49 กก. ซึ่งเป็นรุ่นที่หนูเลิกเล่นไปแล้ว ก็จะเห็นว่ามีหลายๆคนที่พร้อมจะขึ้นมาทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น กมลชนก สีเคน, พัชรกัญน์ พูลเกิด, ชุติกาญจน์ จงกลรัตนวัฒนา หรือ ณัฐกมล วาสนา ซึ่งก็ต้องให้เวลา ตอนนี้พอมีเวลาให้ทุกเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการแข่งขัน รวมถึงอดทน ขยัน ฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาตัวเองเพื่อขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมในรุ่นนี้ ซึ่งสิ่งเดียวที่หนูทำได้ ก็คือ พร้อมเป็นกำลังใจให้ทุกคน มุ่งมุ่งและต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไปค่ะ”
“จริงๆหนูไม่ห่วงอะไรเลยค่ะ เพราะโค้ชก็ยังเป็นทีมโค้ชชุดเดิม ทุกคนยังเป็นทีมเดิม รอแค่เวลา กว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้เวลาค่ะ สิ่งที่จะแนะนำก็คือ ต้องพยายามทุ่มสุดตัวอย่างที่หนูเคยทำค่ะ เพราะการจะเป็นนักกีฬานั้น เป็นได้แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น ตอนนี้ยังมีโอกาสและมีเวลาก็อยากให้ทุกคนทุ่มเทสุดตัว และทำทุกวันให้ดีที่สุดค่ะ”
พาณิภัค ยังเผยอีกว่า ตอนนี้ตนเองกำลังสะสมประสบการณ์การเป็นโค้ชอยู่ที่ยิม พาณิภัค เทควันโด ซึ่งตนเองพยายามใช้ความรู้ความสามารถและสร้างแรงบันดาลใจในการผลักดันเด็กๆ รวมถึงออกไปสอนตามยิมต่างๆด้วย สำหรับตนเองพยายามเรียนรู้และทำหน้าที่โค้ชให้ดีที่สุด ซึ่งในอนาคตหากมีความรู้และประสบการณ์มากพอ ก็ยินดีจะเข้ามาช่วยงานสมาคมกีฬาเทควันแห่งประเทศไทยในบทบาทโค้ชทีมชาติไทยต่อไป


