คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย ธีรพัฒน์ อัครเศรณี
หลังการแตกคอ โรมัน อบราโมวิช เริ่มเดินหน้าเลื่อยขาเก้าอี้ของ มูรินโญ ด้วยเทคนิคสารพัด ตั้งแต่บีบไม่ให้เงินซื้อนักเตะ แต่ตัวเองกลับแสดงความสนใจซูเปอร์สตาร์คนโน้นคนนี้ไปเรื่อย บ่นเรื่องอันดับของทีมที่ไม่สามารถขึ้นไปยึดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2006-2007 ไม่ลงไปให้กำลังใจนักเตะในห้องแต่งตัวเหมือนเคย นอกจากนี้ยังไม่ยอมให้ มูรินโญ ซึ่งอยากจะเข้าพบเพื่อขอเคลียร์ปัญหาทุกอย่างด้วย “เสี่ยหมี” กลับบอกปัดให้กุนซือทำงานของตนเองต่อไปตามปกติ
อบราโมวิช นั้นจ้องจะฟัน มูรินโญ ตั้งแต่กลางฤดูกาล 2006-2007 แต่หาเหตุเหมาะไม่ได้ แถมนักเตะในทีมดูจะหนุนหลัง มูรินโญ ดาวรุ่งอย่าง จอน โอบี มิเกล ยังเคยพูดว่า “ผมจะพยายามทุ่มเทเต็มที่ที่สุด เพื่อให้เจ้านายได้อยู่กับเราต่อไป”
หารู้ไม่ว่าทุกอย่างได้ถูกเซ็ตไว้หมดแล้ว อบราโมวิช แต่งตั้ง อัฟราม แกรนท์ เพื่อนของเขาอดีตกุนซือทีมชาติอิสราเอล เข้ามาเป็นผู้อำนวยการด้านฟุตบอล ตำแหน่งลอยๆซึ่งวงการลูกหนังอังกฤษไม่เคยมี ไว้สอดแนมการทำทีม และตระเตรียมลู่ทางสำหรับการเปลี่ยนแปลง
ทว่าสถานการณ์ทุกอย่างยังอยู่ข้าง มูรินโญ เชลซี จบฤดูกาล 2006-2007 ด้วยตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลถ้วยในอังกฤษถึงสองใบ นั่นก็คือ คาร์ลิง คัพ และ เอฟเอ คัพ ควบรองแชมป์พรีเมียร์ลีก และผลงานที่ไม่ได้ขี้ริ้วเกินไปในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือเข้าถึงรอบตัดเชือก ถ้าเอาลงจากตำแหน่งในช่วงนั้น แฟนฟุตบอลคงจะฮือต่อต้านแน่ “เสี่ยหมี” จึงต้องรอเวลาอันเหมาะสมต่อไปอย่างขุ่นแค้น
ซัมเมอร์ก่อนเปิดฤดูกาล 2007-08 ถือเป็นช่วงที่การซื้อขายนักเตะของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เงียบผิดปกติ เพราะ มูรินโญ ไม่มีงบให้ใช้มากเหมือนที่ผ่านมา เขาจำเป็นต้องเลือกของดีราคาถูกหรือไม่มีราคาเลยอย่าง ทาล เบน ฮิม กองหลังจากโบลตัน สตีฟ ซิดจ์เวล มิดฟิลด์จากเรดดิ้ง เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ จากบาเยิร์น มิวนิค ทั้ง 3 คนล้วนหมดสัญญากับต้นสังกัดเก่า เชลซีจึงไม่ต้องเสียค่าตัว
นอกจากนั้นยังมี ชูเลียโน่ เบลเลตติ แบ็คขวาราคา 4 ล้านปอนด์จากบาร์เซโลน่า มีซูเปอร์สตาร์เพียงนายเดียวที่ได้เดินเข้าสู่ถ้ำสิงโตนั่นก็คือ ฟลอรองต์ มาลูด้า ด้วยราคา 13.5 ล้านปอนด์
เมื่อได้นักเตะเกรดบีมาเสริมทีม แถมเจออาการบาดเจ็บของนักเตะซ้ำเข้าให้อีก ทั้ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา มิชาเอล บัลลัค แฟรงค์ แลมพาร์ด ริกกี้ คาวัลโญ และจอห์น เทอร์รี ต่างสลับหน้ากันเข้าโรงหมอ ทำให้ผลงานช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลของเชลซีนั้นเป็นไปอย่างกระพร่องกระแพร่ง แก้ปัญหากันแบบนัดต่อนัด เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ก็หืดขึ้นคอ
คืนวันอังคารที่ 18 กันยายน 2007 มูรินโญ คุมทีมลงเตะในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก ด้วยการเปิดรังแสตมฟอร์ด บริดจ์รับการมาเยือนของโรเซนบอร์ก ทีมเล็กๆจากนอร์เวย์ แน่นอนไม่มีใครคาดคิดว่า ทีมยักษ์ใหญ่อย่างเชลซี จะต้องมาเสียแต้มกับเกมแบบนี้
มูรินโญ ส่งขุนพลที่คิดว่าดีที่สุดลงสนาม แต่เพียงนาที 24 มิก้า คอปโปเน่น ก็ทำให้แฟนๆ “สิงบลูส์” ช็อคแทบตกเก้าอี้ เมื่อโขกลูกฟรีคิกเข้าไปตุงตาข่าย เชลซี ต้องสู้เพื่อไล่ตามตีเสมอ แม้ อังเดร เชฟเชนโก้ จะทำสำเร็จในอีก 8 นาทีถัดมา แต่ทีมสิงโตน้ำเงินครามก็มิอาจทำอะไรได้มากกว่านั้น จบเกมต้องแบ่งแต้มกับโรเซนบอร์ก
แน่นอนไม่มีผู้บริหารคนไหนพอใจกับผลการแข่งขันแบบนี้ แถมจำนวนผู้เข้าชมเพียง 2 หมื่นเศษๆ ยิ่งทำให้ปริวิตกกันไปใหญ่ เพราะเกรงว่าแฟนจะหน่ายกับสไตล์การทำทีมแบบเน้นเกมรับของผู้จัดการทีมจอมเครียด
“เสี่ยหมี” ไม่พลาดโอกาสในการลงไปจวก มูรินโญ ถึงในห้องแต่งตัวนักเตะ แถมประชดผู้เล่นว่า พวกคุณทำหน้าที่กันได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย ฉากจบของกุนซือชาวโปรตุกีส ก็มาถึงอย่างรวดเร็วเกินคาด รุ่งขึ้นสโมสรเชลซีประกาศว่าพวกเขาได้ตกลงใจแยกทางกับกุนซือที่สร้างประวัติศาสตร์ให้ทีมเรียบร้อยแล้ว โดย มูรินโญ ได้ค่าชดเชยก้อนหนึ่งเป็นการปลอบใจ
“ช่างง่ายดายและรวดเร็วอะไรเช่นนี้!?!” นักเตะผู้สวามิภักดิ์ มูรินโญ หลายคนในทีมคงอยากอุทานออกมาดังๆ
หลังการแตกคอ โรมัน อบราโมวิช เริ่มเดินหน้าเลื่อยขาเก้าอี้ของ มูรินโญ ด้วยเทคนิคสารพัด ตั้งแต่บีบไม่ให้เงินซื้อนักเตะ แต่ตัวเองกลับแสดงความสนใจซูเปอร์สตาร์คนโน้นคนนี้ไปเรื่อย บ่นเรื่องอันดับของทีมที่ไม่สามารถขึ้นไปยึดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2006-2007 ไม่ลงไปให้กำลังใจนักเตะในห้องแต่งตัวเหมือนเคย นอกจากนี้ยังไม่ยอมให้ มูรินโญ ซึ่งอยากจะเข้าพบเพื่อขอเคลียร์ปัญหาทุกอย่างด้วย “เสี่ยหมี” กลับบอกปัดให้กุนซือทำงานของตนเองต่อไปตามปกติ
อบราโมวิช นั้นจ้องจะฟัน มูรินโญ ตั้งแต่กลางฤดูกาล 2006-2007 แต่หาเหตุเหมาะไม่ได้ แถมนักเตะในทีมดูจะหนุนหลัง มูรินโญ ดาวรุ่งอย่าง จอน โอบี มิเกล ยังเคยพูดว่า “ผมจะพยายามทุ่มเทเต็มที่ที่สุด เพื่อให้เจ้านายได้อยู่กับเราต่อไป”
หารู้ไม่ว่าทุกอย่างได้ถูกเซ็ตไว้หมดแล้ว อบราโมวิช แต่งตั้ง อัฟราม แกรนท์ เพื่อนของเขาอดีตกุนซือทีมชาติอิสราเอล เข้ามาเป็นผู้อำนวยการด้านฟุตบอล ตำแหน่งลอยๆซึ่งวงการลูกหนังอังกฤษไม่เคยมี ไว้สอดแนมการทำทีม และตระเตรียมลู่ทางสำหรับการเปลี่ยนแปลง
ทว่าสถานการณ์ทุกอย่างยังอยู่ข้าง มูรินโญ เชลซี จบฤดูกาล 2006-2007 ด้วยตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลถ้วยในอังกฤษถึงสองใบ นั่นก็คือ คาร์ลิง คัพ และ เอฟเอ คัพ ควบรองแชมป์พรีเมียร์ลีก และผลงานที่ไม่ได้ขี้ริ้วเกินไปในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คือเข้าถึงรอบตัดเชือก ถ้าเอาลงจากตำแหน่งในช่วงนั้น แฟนฟุตบอลคงจะฮือต่อต้านแน่ “เสี่ยหมี” จึงต้องรอเวลาอันเหมาะสมต่อไปอย่างขุ่นแค้น
ซัมเมอร์ก่อนเปิดฤดูกาล 2007-08 ถือเป็นช่วงที่การซื้อขายนักเตะของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เงียบผิดปกติ เพราะ มูรินโญ ไม่มีงบให้ใช้มากเหมือนที่ผ่านมา เขาจำเป็นต้องเลือกของดีราคาถูกหรือไม่มีราคาเลยอย่าง ทาล เบน ฮิม กองหลังจากโบลตัน สตีฟ ซิดจ์เวล มิดฟิลด์จากเรดดิ้ง เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ จากบาเยิร์น มิวนิค ทั้ง 3 คนล้วนหมดสัญญากับต้นสังกัดเก่า เชลซีจึงไม่ต้องเสียค่าตัว
นอกจากนั้นยังมี ชูเลียโน่ เบลเลตติ แบ็คขวาราคา 4 ล้านปอนด์จากบาร์เซโลน่า มีซูเปอร์สตาร์เพียงนายเดียวที่ได้เดินเข้าสู่ถ้ำสิงโตนั่นก็คือ ฟลอรองต์ มาลูด้า ด้วยราคา 13.5 ล้านปอนด์
เมื่อได้นักเตะเกรดบีมาเสริมทีม แถมเจออาการบาดเจ็บของนักเตะซ้ำเข้าให้อีก ทั้ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา มิชาเอล บัลลัค แฟรงค์ แลมพาร์ด ริกกี้ คาวัลโญ และจอห์น เทอร์รี ต่างสลับหน้ากันเข้าโรงหมอ ทำให้ผลงานช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลของเชลซีนั้นเป็นไปอย่างกระพร่องกระแพร่ง แก้ปัญหากันแบบนัดต่อนัด เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ก็หืดขึ้นคอ
คืนวันอังคารที่ 18 กันยายน 2007 มูรินโญ คุมทีมลงเตะในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก ด้วยการเปิดรังแสตมฟอร์ด บริดจ์รับการมาเยือนของโรเซนบอร์ก ทีมเล็กๆจากนอร์เวย์ แน่นอนไม่มีใครคาดคิดว่า ทีมยักษ์ใหญ่อย่างเชลซี จะต้องมาเสียแต้มกับเกมแบบนี้
มูรินโญ ส่งขุนพลที่คิดว่าดีที่สุดลงสนาม แต่เพียงนาที 24 มิก้า คอปโปเน่น ก็ทำให้แฟนๆ “สิงบลูส์” ช็อคแทบตกเก้าอี้ เมื่อโขกลูกฟรีคิกเข้าไปตุงตาข่าย เชลซี ต้องสู้เพื่อไล่ตามตีเสมอ แม้ อังเดร เชฟเชนโก้ จะทำสำเร็จในอีก 8 นาทีถัดมา แต่ทีมสิงโตน้ำเงินครามก็มิอาจทำอะไรได้มากกว่านั้น จบเกมต้องแบ่งแต้มกับโรเซนบอร์ก
แน่นอนไม่มีผู้บริหารคนไหนพอใจกับผลการแข่งขันแบบนี้ แถมจำนวนผู้เข้าชมเพียง 2 หมื่นเศษๆ ยิ่งทำให้ปริวิตกกันไปใหญ่ เพราะเกรงว่าแฟนจะหน่ายกับสไตล์การทำทีมแบบเน้นเกมรับของผู้จัดการทีมจอมเครียด
“เสี่ยหมี” ไม่พลาดโอกาสในการลงไปจวก มูรินโญ ถึงในห้องแต่งตัวนักเตะ แถมประชดผู้เล่นว่า พวกคุณทำหน้าที่กันได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
นั่นคือฟางเส้นสุดท้าย ฉากจบของกุนซือชาวโปรตุกีส ก็มาถึงอย่างรวดเร็วเกินคาด รุ่งขึ้นสโมสรเชลซีประกาศว่าพวกเขาได้ตกลงใจแยกทางกับกุนซือที่สร้างประวัติศาสตร์ให้ทีมเรียบร้อยแล้ว โดย มูรินโญ ได้ค่าชดเชยก้อนหนึ่งเป็นการปลอบใจ
“ช่างง่ายดายและรวดเร็วอะไรเช่นนี้!?!” นักเตะผู้สวามิภักดิ์ มูรินโญ หลายคนในทีมคงอยากอุทานออกมาดังๆ