“นกแก้ว” เอสปันญ่อล บุกมาตอกย้ำชัยเหนือ “นกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน ถึงเยอรมนี 2-1 พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอล ยูฟ่า คัพ ประจำฤดูกาล 2006/07 พบกับ “แชมป์เก่า” เซบีญ่า เพื่อนร่วมชาติจากสเปนที่พลิกสถานการณ์กลับมาล้ม โอซาซูน่า 2-0
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมนี) 1-2 เอสปันญ่อล (สเปน)
[เอสปันญ่อล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยประตูรวมสองนัด 5-1]
โธมัส ชาฟ ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียวในการพา “นกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า คัพ อย่งไรก็ตาม เจ้าบ้านต้องเปิดเวเซอร์ สเตเดี้ยม พลิกสถานการณ์จากเป็นรองในนัดแรก 0-3 ให้ได้เสียก่อน แต่นัดนี้ทีมดังจากเยอรมนีไม่สามารถส่ง ทิม วีเซ่ ลงเฝ้าเสาได้ เนื่องจากโดนใบแดงมาจากแมตช์แรก ทำให้ต้องใช้ อันเดรียส ไรน์เค่ ลงเฝ้าเสาแทน ส่วนแนวรับ เคลเมนส์ ฟริตซ์ ก็ติดโทษแบนไม่ได้ลงสนามเช่นกัน ความหวังของเจ้าถิ่นจึงอยู่ที่เกมรุกอย่าง ดีเอโก้ และมิโรสลาฟ โคลเซ่
ด้าน เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มีทั้งข่าวดีข่าวร้ายในการจัดทีม “นกแก้ว” เอสปันญ่อล ในการสู้ศึกนัดที่สอง เนื่องจาก วอลเตอร์ ปันเดียนี่ กองหน้าตัวเก่งติดโทษแบนเช่นเดียวกับ มอยเซส อูร์ตาโด้ ขณะที่ อีบัน เด ลา เปนญ่า และโชนาตาส โดมิงโกส บาดเจ็บ อย่างไรก็ตามก็ได้ตัวหลักอย่าง หลุยส์ การ์เซีย พ้นโทษแบนกลับมา ส่วน ราอูล ตามูโด้ กองหน้ากัปตันทีมหายเจ็บกลับมายืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าในนัดนี้
เริ่มเกมการแข่งขัน เบรเมน ซึ่งต้องการประตูแรกให้เร็วที่สุดเป็นฝ่ายครองเกมทันทีและความผิดพลาดผสมกับความโชคร้ายก็มาเยือนผู้เล่น เอสปันญ่อล ที่พยายามเตะสกัดบริเวณกลางสนามบอลไปโดน ดีเอโก้ กระเด้งไปเข้าทางให้ ฮูโก้ อัลไมด้า เพื่อนร่วมทีมตัดบอลได้ก่อนชิปข้ามตัว กอร์ก้า อิไรซอซ เข้าไปตุงตาข่ายให้ “นกนางนวล” บินนำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 4
เกมของเจ้าถิ่นกำลังไปได้สวยเพราะเป็นฝ่ายเปิดฉากบุกได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 15 นาทีแรก แต่อีกสี่นาทีถัดมา เบรเมน กลับเสียเปรียบในเรื่องตัวผู้เล่นเหมือนนัดแรก หลังจากที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ มาโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม โดยใบแรกเกิดขึ้นช่วงต้นเกมจากการไปศอกใส่ผู้เล่น เอสปันญ่อล และใบที่สองมาได้เพราะ แบร์กทร็องด์ ลาเย็ค ผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศสมองว่าดาวยิงเจ้าถิ่นเจตนาพุ่งล้ม
แม้จะเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในสนาม แต่ขุนพลเจ้าบ้านยังพยายามเดินเกมบุกเพื่อหาประตูที่สอง แต่ก็เริ่มเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจาก เอสปันญ่อล ก็สามารถไล่บอลกันได้ดีเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เบรเมน ได้โอกาสอีกครั้งจากการยิงของ คริสเตียน ชูลซ์ ซึ่งเติมขึ้นมาสูงและได้ยิงบอลไปแฉลบกองหลังทีมเยือนออกไป เกมเริ่มเนือยลงไปจนจบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายนำอยู่แต่ก็เหลือผู้เล่นในสนามที่น้อยกว่า
เปิดฉากครึ่งหลัง โธมัส ชาฟ แก้เกมให้ เบรเมน ด้วยการถอด พาทริค โอโวโมเยล่า ซึ่งเป็นกองหลังออกและก็ส่ง เควิน ชินด์เลอร์ นักเตะดาวรุ่งลงมาเติมเกมแดนกลางเพื่อสู้กับ เอสปันญ่อล ที่แท็คติกเน้นตั้งรับเอาไว้ก่อน และเจ้าถิ่นก็ดาหน้าบุกใส่ทันที ดีเอโก้ สาดบอลไปข้างหน้าให้ อัลไมด้า ซึ่งมีลูกร่างสูงใหญ่คอยโหม่งชงแต่ อิไรซอซ ยังเหินขึ้นไปคว้าตัดบอลมาสู่อ้อมอกไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ความหวังของ “นกนางนวล” แทบดับสลายเมื่อ “นกแก้ว” เอสปันญ่อล ใช้จังหวะสวนกลับ อัลเบิร์ต ริเอร่า ตะลุยขึ้นไปทางกราบซ้ายก่อนตบเข้ากลาง อันเดรียส ไรน์เค่ นายทวารจอมเก๋าพลาดปัดบอลมาเข้าทางให้ เฟอร์ราน โคโร แปบอลเข้าไปตุงตาข่ายง่ายๆ สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 ในนาทีที่ 50 ซึ่งหาก เบรเมน จะหวังพลิกเข้ารอบต้องยิงอีกถึง 4 ประตู
เกมดำเนินมาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มพอดี เอสปันญ่อล ได้ลูกเตะมุม ริเอร่า ปั่นบอลไปเสาไกลให้ เฮซุส ลาครูซ ที่เติมขึ้นมาโหม่งบอลเสียบเสาให้ทีมเยือนจากแดนกระทิงดุพลิกนำ 2-1 โอกาสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสดใสยิ่งนัก เจ้าบ้านพยายามตอบโต้กลับไปบ้าง ดีเอโก้ เพลย์เมคเกอร์ชาวบราซิเลียนยิงจากนอกกรอบแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ อิไรซอซ เข้าสู่ช่วงท้าย เบรเมน ฮึดไม่ขึ้นไม่สามารถไล่คืนมาได้ ครบ 90 นาที “นกแก้ว” บุกมาจิกชัยผ่านเข้ารอบชิงด้วยประตูรวม 5-1
โดยคู่ชิงชนะเลิศของ เอสปันญ่อล ได้แก่ “แชมป์เก่า” เซบีญ่า อีกหนึ่งทีมจากสเปนที่เปิดบ้านพลิกสถานการณ์จากเป็นรอง 0-1 ในนัดแรก กลับมาเอาชนะ โอซาซูน่า เพื่อนร่วมชาติ 2-0 โดยได้ประตูจาก หลุยส์ ฟาเบียโน่ นาทีที่ 37 และเรนาโต้ นาทีที่ 53 โดยนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ ประจำฤดูกาล 2006/07 จะมีขึ้นที่แฮมเด้น ปาร์ค ในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ คืนวันพุธที่ 16 พฤษภาคม ต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เบรเมน : อันเดรียส ไรน์เค่ , พาทริค โอโวโมเยล่า , โรนัลโด้ นัลโด้ , เพทรี ปาซาเน่น , คริสเตียน ชูลซ์ , ทอร์สเท่น ฟริงก์ส , ดาเนียล แยนเซ่น , ริบาส ดีเอโก้ , แอรอน ฮันท์ , ฮูโก้ อัลไมด้า , มิโรสลาฟ โคลเซ่
เอสปันญ่อล : กอร์ก้า อิไรซอซ , เฮซุส ลาครูซ , มาร์ค ตอร์เรฮอน , ดาเนียล ฮาร์เก้ , การ์เซีย ดาวิด เด ลา ครูซ , เฟอร์ราน โคโร , อันโตนิโอ อิโต้ , ปาโบล ซาบาเลต้า , หลุยส์ การ์เซีย , อัลเบิร์ต ริเอร่า , ราอูล ตามูโด้
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมนี) 1-2 เอสปันญ่อล (สเปน)
[เอสปันญ่อล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ด้วยประตูรวมสองนัด 5-1]
โธมัส ชาฟ ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียวในการพา “นกนางนวล” แวร์เดอร์ เบรเมน ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า คัพ อย่งไรก็ตาม เจ้าบ้านต้องเปิดเวเซอร์ สเตเดี้ยม พลิกสถานการณ์จากเป็นรองในนัดแรก 0-3 ให้ได้เสียก่อน แต่นัดนี้ทีมดังจากเยอรมนีไม่สามารถส่ง ทิม วีเซ่ ลงเฝ้าเสาได้ เนื่องจากโดนใบแดงมาจากแมตช์แรก ทำให้ต้องใช้ อันเดรียส ไรน์เค่ ลงเฝ้าเสาแทน ส่วนแนวรับ เคลเมนส์ ฟริตซ์ ก็ติดโทษแบนไม่ได้ลงสนามเช่นกัน ความหวังของเจ้าถิ่นจึงอยู่ที่เกมรุกอย่าง ดีเอโก้ และมิโรสลาฟ โคลเซ่
ด้าน เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มีทั้งข่าวดีข่าวร้ายในการจัดทีม “นกแก้ว” เอสปันญ่อล ในการสู้ศึกนัดที่สอง เนื่องจาก วอลเตอร์ ปันเดียนี่ กองหน้าตัวเก่งติดโทษแบนเช่นเดียวกับ มอยเซส อูร์ตาโด้ ขณะที่ อีบัน เด ลา เปนญ่า และโชนาตาส โดมิงโกส บาดเจ็บ อย่างไรก็ตามก็ได้ตัวหลักอย่าง หลุยส์ การ์เซีย พ้นโทษแบนกลับมา ส่วน ราอูล ตามูโด้ กองหน้ากัปตันทีมหายเจ็บกลับมายืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าในนัดนี้
เริ่มเกมการแข่งขัน เบรเมน ซึ่งต้องการประตูแรกให้เร็วที่สุดเป็นฝ่ายครองเกมทันทีและความผิดพลาดผสมกับความโชคร้ายก็มาเยือนผู้เล่น เอสปันญ่อล ที่พยายามเตะสกัดบริเวณกลางสนามบอลไปโดน ดีเอโก้ กระเด้งไปเข้าทางให้ ฮูโก้ อัลไมด้า เพื่อนร่วมทีมตัดบอลได้ก่อนชิปข้ามตัว กอร์ก้า อิไรซอซ เข้าไปตุงตาข่ายให้ “นกนางนวล” บินนำเร็ว 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 4
เกมของเจ้าถิ่นกำลังไปได้สวยเพราะเป็นฝ่ายเปิดฉากบุกได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 15 นาทีแรก แต่อีกสี่นาทีถัดมา เบรเมน กลับเสียเปรียบในเรื่องตัวผู้เล่นเหมือนนัดแรก หลังจากที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ มาโดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม โดยใบแรกเกิดขึ้นช่วงต้นเกมจากการไปศอกใส่ผู้เล่น เอสปันญ่อล และใบที่สองมาได้เพราะ แบร์กทร็องด์ ลาเย็ค ผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศสมองว่าดาวยิงเจ้าถิ่นเจตนาพุ่งล้ม
แม้จะเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนในสนาม แต่ขุนพลเจ้าบ้านยังพยายามเดินเกมบุกเพื่อหาประตูที่สอง แต่ก็เริ่มเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจาก เอสปันญ่อล ก็สามารถไล่บอลกันได้ดีเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เบรเมน ได้โอกาสอีกครั้งจากการยิงของ คริสเตียน ชูลซ์ ซึ่งเติมขึ้นมาสูงและได้ยิงบอลไปแฉลบกองหลังทีมเยือนออกไป เกมเริ่มเนือยลงไปจนจบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายนำอยู่แต่ก็เหลือผู้เล่นในสนามที่น้อยกว่า
เปิดฉากครึ่งหลัง โธมัส ชาฟ แก้เกมให้ เบรเมน ด้วยการถอด พาทริค โอโวโมเยล่า ซึ่งเป็นกองหลังออกและก็ส่ง เควิน ชินด์เลอร์ นักเตะดาวรุ่งลงมาเติมเกมแดนกลางเพื่อสู้กับ เอสปันญ่อล ที่แท็คติกเน้นตั้งรับเอาไว้ก่อน และเจ้าถิ่นก็ดาหน้าบุกใส่ทันที ดีเอโก้ สาดบอลไปข้างหน้าให้ อัลไมด้า ซึ่งมีลูกร่างสูงใหญ่คอยโหม่งชงแต่ อิไรซอซ ยังเหินขึ้นไปคว้าตัดบอลมาสู่อ้อมอกไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ความหวังของ “นกนางนวล” แทบดับสลายเมื่อ “นกแก้ว” เอสปันญ่อล ใช้จังหวะสวนกลับ อัลเบิร์ต ริเอร่า ตะลุยขึ้นไปทางกราบซ้ายก่อนตบเข้ากลาง อันเดรียส ไรน์เค่ นายทวารจอมเก๋าพลาดปัดบอลมาเข้าทางให้ เฟอร์ราน โคโร แปบอลเข้าไปตุงตาข่ายง่ายๆ สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 ในนาทีที่ 50 ซึ่งหาก เบรเมน จะหวังพลิกเข้ารอบต้องยิงอีกถึง 4 ประตู
เกมดำเนินมาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็มพอดี เอสปันญ่อล ได้ลูกเตะมุม ริเอร่า ปั่นบอลไปเสาไกลให้ เฮซุส ลาครูซ ที่เติมขึ้นมาโหม่งบอลเสียบเสาให้ทีมเยือนจากแดนกระทิงดุพลิกนำ 2-1 โอกาสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสดใสยิ่งนัก เจ้าบ้านพยายามตอบโต้กลับไปบ้าง ดีเอโก้ เพลย์เมคเกอร์ชาวบราซิเลียนยิงจากนอกกรอบแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ อิไรซอซ เข้าสู่ช่วงท้าย เบรเมน ฮึดไม่ขึ้นไม่สามารถไล่คืนมาได้ ครบ 90 นาที “นกแก้ว” บุกมาจิกชัยผ่านเข้ารอบชิงด้วยประตูรวม 5-1
โดยคู่ชิงชนะเลิศของ เอสปันญ่อล ได้แก่ “แชมป์เก่า” เซบีญ่า อีกหนึ่งทีมจากสเปนที่เปิดบ้านพลิกสถานการณ์จากเป็นรอง 0-1 ในนัดแรก กลับมาเอาชนะ โอซาซูน่า เพื่อนร่วมชาติ 2-0 โดยได้ประตูจาก หลุยส์ ฟาเบียโน่ นาทีที่ 37 และเรนาโต้ นาทีที่ 53 โดยนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ ประจำฤดูกาล 2006/07 จะมีขึ้นที่แฮมเด้น ปาร์ค ในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ คืนวันพุธที่ 16 พฤษภาคม ต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เบรเมน : อันเดรียส ไรน์เค่ , พาทริค โอโวโมเยล่า , โรนัลโด้ นัลโด้ , เพทรี ปาซาเน่น , คริสเตียน ชูลซ์ , ทอร์สเท่น ฟริงก์ส , ดาเนียล แยนเซ่น , ริบาส ดีเอโก้ , แอรอน ฮันท์ , ฮูโก้ อัลไมด้า , มิโรสลาฟ โคลเซ่
เอสปันญ่อล : กอร์ก้า อิไรซอซ , เฮซุส ลาครูซ , มาร์ค ตอร์เรฮอน , ดาเนียล ฮาร์เก้ , การ์เซีย ดาวิด เด ลา ครูซ , เฟอร์ราน โคโร , อันโตนิโอ อิโต้ , ปาโบล ซาบาเลต้า , หลุยส์ การ์เซีย , อัลเบิร์ต ริเอร่า , ราอูล ตามูโด้
