ก่อนที่มิเชล วี จะมีอายุครบ 16 ปีเต็มในเดือนตุลาคมปี 2005 สาวน้อยวัยไฮสคูลตัดสินใจเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพ เวลานั้นเด็กหญิงเชื้อสายเกาหลี จากฮาวายทำเงินรายได้ให้กับตนเองจากสองผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่าง ไนกี้ และ โซนี่ เป็นเงินรวมถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายการแรกที่ มิเชล วี ลงสนามในฐานะนักกอล์ฟอาชีพนั้นคือ ซัมซุง เวิร์ล แชมเปี้ยนชิป และเพียงรายการแรก วี ก็เริ่มทำให้คนในวงการกอล์ฟสงสัยในตัวเธอว่าเป็นผู้ใหญ่พอที่จะลงสนามหรือไม่หลังจากเธอดรอปลูกผิดกติกาและถูกปรับออกจากการแข่งขัน รายการที่สองในปี 2005 อยู่ในเจแปนทัวร์ วีต้องลงสนามแข่งกับโปรชาย แต่เธอก็ไม่ผ่านการตัดตัว
เข้าสู่ ฤดูกาล 2006 มิเชล วี เริ่มต้นด้วยทัวร์นาเม้นท์ในบ้านเกิดที่ฮาวาย ในรายการของโปรชาย อย่าง พีจีเอ โซนี่ โอเพ่น เมื่อเดือนมกราคมแต่ก็ไม่ผ่านการตัดตัว จากนั้น วี ยังถอนตัวจากการแข่งขัน จอห์น เดียร์ คลาสสิกในเดือนกรกฎาคม รวมไปถึงผลงานที่ไม่สามารถผ่านการตัดตัวหลังทำ 14 โอเวอร์พาร์ ในการแข่งขัน 84 ลัมเบอร์คลาสสิก นอกจากนี้ วี ยังไม่ผ่านการตัดตัวในการแข่งขัน ยูโรเปี้ยน ทัวร์ รายการแรกของเธออีกด้วย

สำหรับทัวร์นาเม้นท์ใน แอลพีจีเอ ทัวร์นั้น วี จบการแข่งขันโดยทำอันดับติดท้อป 5 ถึง 6 รายการและผลงานที่ดีที่สุดคือ อีเวียง มาสเตอร์ส ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยตำแหน่งรองแชมป์ นอกจากนี้ วี ยังเกือบจะคว้าชัยชนะในการแข่งขันระดับเมเจอร์ของโปรหญิงถึงสามรายการโดย ยูเอส วีเม่นส์ โอเพ่น และ คราฟ นาบิสโก นั้น วี คว้าอันดับ สาม ในขณะที่ แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิป วีจบด้วยอันดับที่ 5
สาวไฮสคูล กล่าวถึงผลงานของตนเองผ่านการให้สัมภาษณ์สำนักข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์ ของสหรัฐอเมริกาไว้อย่างน่าสนใจว่า "ปีนี้นับว่าเป็นปีแรกของฉันในการเล่นอาชีพแบบเต็มฤดูกาล นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก และฉันก็คิดว่าผลงานของตนเองในฤดูกาลนี้ประสบความสำเร็จไม่น้อย มันเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่ได้เห็นผลงานของตนเองหลังจากฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยเฉพาะทัวร์นาเม้นท์ที่สามารถจบผลงานด้วยอันดับตัวเลขเดียว และรายการเมเจอร์สามในห้ารายการนั้นฉันสามารถจบด้วยอันดับในท้อป 5”
ทั้งนี้สาวน้อยไฮสคูล ที่เพิ่งมีอายุครบ 17 ปีเต็มนั้นกล่าวถึงความคาดหวังถึงฤดูกาลใหม่ว่า "แน่นอนว่าการได้ร่วมในรายการเมเจอร์ ของผู้ชายนั้นยังเป็นเป้าหมายในระยะยาวและฉันรู้ดีว่าตนเองคงไปถึงจุดนั้นไม่ได้เพียงข้ามคืน หากต้องใช้เวลาและประสบการณ์ และ รู้สึกยินดีที่จะค่อยๆเดินตามรอยนั้นไป นอกจากนี้ในฤดูกาลหน้าฉันหวังจะได้เล่นในทัวร์นาเม้นท์ผู้ชายมากขึ้น"
วี ยังกล่าวถึงการวางแผนที่จะลงสนามในฤดูกาล 2007 ที่จะมาถึงว่า "ขณะนี้ฉันและครอบครัว รวมไปถึงทีมงานได้พูดคุยกันถึงจำนวนทัวร์นาเม้นท์ ที่จะลงทำการแข่งขันในฤดูกาลหน้า เพื่อไม่ให้เหนื่อยจนเกินไปนัก และฉันเองก็รู้ดีว่าตนเองมีกำลังที่จะลงแข่งโดยไม่ให้เสียการเรียนนั้นอย่างไร รวมไปถึงการทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทที่ให้ความสนับสนุนอีกด้วย
นอกจากความคาดหวัง และ การวางแผนถึงอนาคตข้างหน้าในฐานะนักกอล์ฟอาชีพแล้ว มิเชล วี ยังเปิดใจถึงประสบการณ์ใหม่ๆซึ่งเธอได้รับในฐานะโปรตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาว่า "การดิ้นรนต่อสู้ในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันนั้น นับเป็นสิ่งสำคัญในฐานะนักกอล์ฟอาชีพและฉันก็ได้เรียนรู้มันในฤดูกาลนี้ แม้ว่าผลงานของส่วนใหญ่ทั้งรายการหญิงและชายอาจจะทำให้หลายคนผิดหวัง แต่เวลาที่จะปรับปรุงผลงานยังมีอยู่อีกมาก และฉันก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด"
ที่ผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ มิเชล วี ลงสนามในรายการของผู้ชาย ซึ่งเธอเปิดเผยความรู้สึกถึงเรื่องดังกล่าวว่า "หลังจากลงสนามกอล์ฟในฐานะโปร โดยเฉพาะในรายการผู้ชาย มีผู้หญิงเข้ามาพูดคุยกับฉันมากมาย พวกเขาชอบที่ฉันตัดสินใจเช่นนี้และยังบอกด้วยว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นผู้หญิง ยืนต่อสู้ในสนามการแข่งขันกับผู้ชาย มันไม่ใช่เรื่องสิทธิความเสมอภาคอะไรหรอก แต่ฉันเองก็รู้สึกว่าเป็นความท้าทายไม่น้อยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกับโปรชาย”
มิเชล วี กล่าวทิ้งท้ายถึงประสบการณ์ตลอดระยะเวลาหนึ่งฤดูกาลในฐานะนักกอล์ฟอาชีพไว้อย่างน่าสนใจว่า "มันเหมือนกับเราได้เรียนรู้ที่จะก้าวเดินต่อไปโดยแลกกับประสบการณ์และความเจ็บปวด ที่ผ่านมาฉันได้รู้ว่าจะทำให้อย่างไรถึงจะจัดตารางในชีวิตประจำวันของตนเองได้ดีกว่านี้ และต้องบริหารร่างกายเท่าใดจึงจะสามารถลงสนามได้โดยไม่มีขีดจำกัด เมื่อใดที่ควรเล่นแบบดุดัน รวมไปถึงจำนวนการแข่งขันสักเท่าใดฉันจึงจะถึงจุดสูงสุด ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ ที่ไม่มีใครสอนแต่ฉันได้รับมาจากปีแรกของการลงสนามในฐานะโปร ที่เกิดจากความผิดพลาดและข้อจำกัดบางอย่างในตัวของฉันเอง”
รายการแรกที่ มิเชล วี ลงสนามในฐานะนักกอล์ฟอาชีพนั้นคือ ซัมซุง เวิร์ล แชมเปี้ยนชิป และเพียงรายการแรก วี ก็เริ่มทำให้คนในวงการกอล์ฟสงสัยในตัวเธอว่าเป็นผู้ใหญ่พอที่จะลงสนามหรือไม่หลังจากเธอดรอปลูกผิดกติกาและถูกปรับออกจากการแข่งขัน รายการที่สองในปี 2005 อยู่ในเจแปนทัวร์ วีต้องลงสนามแข่งกับโปรชาย แต่เธอก็ไม่ผ่านการตัดตัว
เข้าสู่ ฤดูกาล 2006 มิเชล วี เริ่มต้นด้วยทัวร์นาเม้นท์ในบ้านเกิดที่ฮาวาย ในรายการของโปรชาย อย่าง พีจีเอ โซนี่ โอเพ่น เมื่อเดือนมกราคมแต่ก็ไม่ผ่านการตัดตัว จากนั้น วี ยังถอนตัวจากการแข่งขัน จอห์น เดียร์ คลาสสิกในเดือนกรกฎาคม รวมไปถึงผลงานที่ไม่สามารถผ่านการตัดตัวหลังทำ 14 โอเวอร์พาร์ ในการแข่งขัน 84 ลัมเบอร์คลาสสิก นอกจากนี้ วี ยังไม่ผ่านการตัดตัวในการแข่งขัน ยูโรเปี้ยน ทัวร์ รายการแรกของเธออีกด้วย
สำหรับทัวร์นาเม้นท์ใน แอลพีจีเอ ทัวร์นั้น วี จบการแข่งขันโดยทำอันดับติดท้อป 5 ถึง 6 รายการและผลงานที่ดีที่สุดคือ อีเวียง มาสเตอร์ส ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยตำแหน่งรองแชมป์ นอกจากนี้ วี ยังเกือบจะคว้าชัยชนะในการแข่งขันระดับเมเจอร์ของโปรหญิงถึงสามรายการโดย ยูเอส วีเม่นส์ โอเพ่น และ คราฟ นาบิสโก นั้น วี คว้าอันดับ สาม ในขณะที่ แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิป วีจบด้วยอันดับที่ 5
สาวไฮสคูล กล่าวถึงผลงานของตนเองผ่านการให้สัมภาษณ์สำนักข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์ ของสหรัฐอเมริกาไว้อย่างน่าสนใจว่า "ปีนี้นับว่าเป็นปีแรกของฉันในการเล่นอาชีพแบบเต็มฤดูกาล นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก และฉันก็คิดว่าผลงานของตนเองในฤดูกาลนี้ประสบความสำเร็จไม่น้อย มันเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่ได้เห็นผลงานของตนเองหลังจากฝึกซ้อมอย่างหนัก โดยเฉพาะทัวร์นาเม้นท์ที่สามารถจบผลงานด้วยอันดับตัวเลขเดียว และรายการเมเจอร์สามในห้ารายการนั้นฉันสามารถจบด้วยอันดับในท้อป 5”
ทั้งนี้สาวน้อยไฮสคูล ที่เพิ่งมีอายุครบ 17 ปีเต็มนั้นกล่าวถึงความคาดหวังถึงฤดูกาลใหม่ว่า "แน่นอนว่าการได้ร่วมในรายการเมเจอร์ ของผู้ชายนั้นยังเป็นเป้าหมายในระยะยาวและฉันรู้ดีว่าตนเองคงไปถึงจุดนั้นไม่ได้เพียงข้ามคืน หากต้องใช้เวลาและประสบการณ์ และ รู้สึกยินดีที่จะค่อยๆเดินตามรอยนั้นไป นอกจากนี้ในฤดูกาลหน้าฉันหวังจะได้เล่นในทัวร์นาเม้นท์ผู้ชายมากขึ้น"
วี ยังกล่าวถึงการวางแผนที่จะลงสนามในฤดูกาล 2007 ที่จะมาถึงว่า "ขณะนี้ฉันและครอบครัว รวมไปถึงทีมงานได้พูดคุยกันถึงจำนวนทัวร์นาเม้นท์ ที่จะลงทำการแข่งขันในฤดูกาลหน้า เพื่อไม่ให้เหนื่อยจนเกินไปนัก และฉันเองก็รู้ดีว่าตนเองมีกำลังที่จะลงแข่งโดยไม่ให้เสียการเรียนนั้นอย่างไร รวมไปถึงการทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทที่ให้ความสนับสนุนอีกด้วย
นอกจากความคาดหวัง และ การวางแผนถึงอนาคตข้างหน้าในฐานะนักกอล์ฟอาชีพแล้ว มิเชล วี ยังเปิดใจถึงประสบการณ์ใหม่ๆซึ่งเธอได้รับในฐานะโปรตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาว่า "การดิ้นรนต่อสู้ในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแข่งขันนั้น นับเป็นสิ่งสำคัญในฐานะนักกอล์ฟอาชีพและฉันก็ได้เรียนรู้มันในฤดูกาลนี้ แม้ว่าผลงานของส่วนใหญ่ทั้งรายการหญิงและชายอาจจะทำให้หลายคนผิดหวัง แต่เวลาที่จะปรับปรุงผลงานยังมีอยู่อีกมาก และฉันก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด"
ที่ผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ มิเชล วี ลงสนามในรายการของผู้ชาย ซึ่งเธอเปิดเผยความรู้สึกถึงเรื่องดังกล่าวว่า "หลังจากลงสนามกอล์ฟในฐานะโปร โดยเฉพาะในรายการผู้ชาย มีผู้หญิงเข้ามาพูดคุยกับฉันมากมาย พวกเขาชอบที่ฉันตัดสินใจเช่นนี้และยังบอกด้วยว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นผู้หญิง ยืนต่อสู้ในสนามการแข่งขันกับผู้ชาย มันไม่ใช่เรื่องสิทธิความเสมอภาคอะไรหรอก แต่ฉันเองก็รู้สึกว่าเป็นความท้าทายไม่น้อยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกับโปรชาย”
มิเชล วี กล่าวทิ้งท้ายถึงประสบการณ์ตลอดระยะเวลาหนึ่งฤดูกาลในฐานะนักกอล์ฟอาชีพไว้อย่างน่าสนใจว่า "มันเหมือนกับเราได้เรียนรู้ที่จะก้าวเดินต่อไปโดยแลกกับประสบการณ์และความเจ็บปวด ที่ผ่านมาฉันได้รู้ว่าจะทำให้อย่างไรถึงจะจัดตารางในชีวิตประจำวันของตนเองได้ดีกว่านี้ และต้องบริหารร่างกายเท่าใดจึงจะสามารถลงสนามได้โดยไม่มีขีดจำกัด เมื่อใดที่ควรเล่นแบบดุดัน รวมไปถึงจำนวนการแข่งขันสักเท่าใดฉันจึงจะถึงจุดสูงสุด ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ ที่ไม่มีใครสอนแต่ฉันได้รับมาจากปีแรกของการลงสนามในฐานะโปร ที่เกิดจากความผิดพลาดและข้อจำกัดบางอย่างในตัวของฉันเอง”