นับตั้งแต่วงการกอล์ฟหญิงปรากฏชื่อ “มิเชล วี” สาวเกาหลี สัญชาติสหรัฐฯที่เติบโตในฮาวายและเทิร์นโปรเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพด้วยวัยเพียง 16 ปีความเปลี่ยนแปลงในวงการแอลพีจีเอ ก็เกิดขึ้นเพราะ “วี” กลายเป็นจุดขายหลักของผู้จัดการแข่งขัน หากรายการใดมีเด็กสาวไฮสคูลหน้าใสผู้นี้ร่วมทำการแข่งขันด้วย แน่นอนว่าจำนวนผู้ชมในรายการดังกล่าวย่อมมีจำนวนมากกว่าปกติ ทำให้สถานทางการตลาดของ มิเชล วีในวันนี้ มีจุดขายเช่นเดียวกับวงการกอล์ฟชายที่มี ไทเกอร์ วู้ดส์ เลยทีเดียว
ผลงานนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพของมิเชล วี นั้นแม้จะยังไม่เคยครองแชมป์ได้ทั้งในแอลพีจีเอ หรือ พีจีเอ ทัวร์แต่เธอก็โชว์วงสวิงอยู่ในอันดับต้นๆของหลายรายการโดยเฉพาะเมเจอร์ของแอลพีจีเอ ทัวร์สามรายการของฤดูกาล 2006 “วี” ทำผลงานได้อย่างน่าชื่อชมเริ่มจาก “คราฟ นาบิสโก แชมเปี้ยนชิป” วี จบสกอร์ตนเองด้วยอันดับที่สามร่วม, แมคโดนัลส์ แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิป ครองอันดับที่ห้าร่วม ส่วน ยูเอส วีเม่นส์ โอเพ่น นั้นสาวน้อยจากฮาวายครองอันดับที่สามร่วม
แต่ถึงแม้ผลงานของ “วี” ตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมาจะเป็นที่น่าพอใจ แต่ผลงานล่าสุดในเมเจอร์ รายการสุดท้ายของแอลพีจีเอ ทัวร์อย่างบริทิช โอเพ่น “บิ๊กวีซี” จบด้วยอันดับที่ 26 ร่วมสกอร์ 6 โอเวอร์พาร์ เป็นผลงานที่ไม่น่าเกลียดนักแต่ ควรจะดีกว่านี้หากเธอไม่ถูกตัดคะแนนอย่างที่ไม่ควรจะเสียในการแข่งขันวันที่สองเมื่อโปรสาววัย 16 ปีหวดแบ็คสวิงไปถูกหญ้าในบังเกอร์ของหลุมที่ 14 แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎข้อบังคับของแอลพีจีเอ ทัวร์แต่ดูเหมือนว่า มิเชล วี จะไม่ล่วงรู้ว่าตนเองกระทำผิดกฎจนกระทั่งเธอลงชื่อในสกอร์การ์ดหลังจบการแข่งขันและมีเจ้าหน้าจัดการแข่งขันมาแจ้งให้ทราบ
เรื่องดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการกระทำผิดกฎข้อบังคับครั้งที่สองในฐานะนักกอล์ฟอาชีพของ “มิเชล วี” เท่านั้นแต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสาวน้อยวัย 16 ปีแทบจะไม่มีความรู้เรื่องกฎข้อบังคับในการแข่งขันแม้แต่น้อย ทำให้เหล่าเกจิในวงการกอล์ฟแสดงความคิดเห็นว่าด้วยวัยเพียงเท่านี้ “มิเชล วี” เหมาะสมกับวงการกอล์ฟอาชีพมากน้อยเพียงใด
แต่ถึงแม้จะมีการติติงเรื่องความละอ่อนของ มิเชล วี แต่ด้วยมูลค่าทางการตลาดของสาวน้อยวัย 16 ปีที่สามารถเรียกความสนใจจากแฟนกอล์ฟได้เป็นจำนวนมากทำให้ชื่อของโปรวัยทีนจากฮาวาย ยังคงถูกรับเชิญจากหลายทัวร์นาเม้นท์ ที่สำคัญมิเชล วี เองก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการแข่งขันจริงจนำทำให้ฝีมือของเธอพัฒนาจากเดิมขึ้นมามาก ดังเช่นการแข่งขันในสนามลิงก์ คอร์ส ของรายการแอลพีจีเอ บริทิช โอเพ่น ที่ผ่านมา นอกจากวี จะได้เรียนรู้เรื่องกฎข้อบังคับที่ไม่ควรจะผิดพลาดง่ายๆแล้ว เธอยังเรียนรู้วิธีการเล่นให้ประสบผลสำเร็จจากสนามลักษณะนี้ด้วย
โดยผลงานของ มิเชล วี ในรอบแรกของการแข่งขันดูเหมือนว่าโปรวัยทีนจะมีโอกาสคว้าแชมป์อาชีพรายการแรกให้กับตนเองเสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้ว สภาพอากาศ และ อุปสรรคในลักษณะ ลิงก์ คอร์ส ของ รอยัล ลิธึม แอนด์ เซนต์ แอนน์ส ได้บีบให้ วี เปรียบเสมือนเด็กหญิงตัวน้อยในสนาม วูเม่นส์ บริทิช โอเพ่นไปในทันที ก่อนจะจบผลงานตลอดทั้งสี่วันด้วยสกอร์ที่ตีเกินไปถึง 6 โอเวอร์พาร์ จบในอันดับที่ 26 ร่วม
เมื่อจบการแข่งขันรายการนี้ทำให้ วี ต้องกลับไปทบทวนการเล่นของตนเองใหม่ ซึ่งเจ้าตัวเองออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "ผลงานในการแข่งขันรายการนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้ แต่สุดท้ายแล้วรอยัล ลิธึม ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าการเล่นในสนามลิงค์คอร์ส ควรวางแผนในลักษณะใด ลงสนามรายการนี้เพียงหนึ่งสัปดาห์เปรียบเสมือนกับบทเรียนตลอดทั้งซัมเมอร์ที่ฉันลงทำการแข่งขันเลยทีเดียว"
สาวน้อยวัย 16 ปีจากฮาวาย ยังกล่าวต่ออีกว่า "ตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาฉันเล่นได้ดีเป็นที่น่าพอใจ จะมีเพียงสองสามช็อตที่มันไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ในการแข่งขันรายการนี้ไม่ว่าจะเป็นวันแรกจนถึงวันสุดท้ายฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากความผิดพลาดทีเกิดขึ้น"
มิเชล วี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “วิธีการเล่นในสนามลิงก์ คอร์ส นั้นต้องใช้ความอดทนและสมาธิเป็นอย่างมากสำหรับสนามลักษณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกมการเล่นของเรานั้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ แต่เราต้องพยายามเล่นต่อและผ่านมันไปให้ได้”
ประสบการณ์ปีที่สองของ “มิเชล วี” ในฐานะนักกอล์ฟมืออาชีพนอกจากจะโบยตีให้เธอวงสวิงของเธอพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมแล้ว บทเรียนอันเจ็บปวดกับการทำผิดกฎชนิดอย่างที่ไม่ควรจะเสียนั้นน่าจะทำให้ โปรสาววัย 16 ปีเติบโตมากขึ้นกว่าสาวน้อยไฮสคูลจากฮาวาย