คนเราทุกคนย่อมมีความฝัน แต่สำหรับของเด็กหนุ่มวัย 19 ปีอย่าง เวย์น รูนี่ย์ อาจจะเป็นฝันที่พิเศษสุดอยู่สักหน่อย นั่นคือการพาทีม “สิงโตคำราม” คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 ที่เยอรมนี โดยตัวเขาเองหวังจะใช้ความเสียใจจากศึกยูโร 2004 ที่ผ่านมาเป็นตัวผลักดันที่สำคัญ
หลังจากที่ทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน คว้าโควตาเข้าสู่รอบสุดท้ายของเวิลด์คัพครั้งนี้ได้สำเร็จอย่างง่ายดายเกินคาด ศูนย์หน้าจอมบู๊ก็ออกอาการมั่นใจว่า ทีมชาติของเขาจะสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จอีกครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆรอคอยแชมป์ครั้งที่สองมาครบ 40 ปีพอดี โดยเที่ยวแรกที่พวกเขาทำได้นั้นคือปี 1966 ที่อังกฤษเองรับบทเป็นเจ้าภาพ
“นี่คือฟุตบอลโลกหนแรก ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วสำหรับทัวร์นาเม้นต์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ และผมก็มั่นใจด้วยว่าเราจะสามารถเดินทางไปกระชากแชมป์กลับบ้านได้ บราซิลคือตัวเต็งซึ่งเราจะต้องพยายามโค่นพวกเขาให้ได้ ถ้าทำได้จเราก็มีโอกาส ผมเชื่อว่าสิงโตคำรามของเราชุดนี้มีขุนพลที่สุดยอดอยู่ในทีมเพียงพอ”
แน่นอนไม่ว่ากุนซือคนใดในโลกนี้ก็ต้องอิจฉาขุนพลของ สเวน โกรัน อีริคส์สัน ที่มีกองหลังอย่าง จอห์น เทอร์รี่, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ โซล แคมพ์เบลล์ แถมด้วยแบ็คอย่าง แอชลี่ย์ โคล และ แกรี่ เนวิลล์ ให้เลือก มิดฟิลด์ก็มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด พร้อมกัปตันทีม เดวิด เบ็คแฮม แถมคู่หน้ายังเป็นคู่มหากาฬอย่าง ไมเคิล โอเว่น ประสานงานกับ เวย์น รูนี่ย์ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เวิลด์คัพ ในครั้งนี้ พวกเขาจะต้องรับบทเป็นหนึ่งในทีมตัวเต็ง
รูนี่ย์ยังกล่าวต่อด้วยว่า “แน่นอนที่ความคาดหวังที่แฟนๆตั้งเป้าจะสูงมากในครั้งนี้ อย่างน้อยก็ต้องสูงกว่าศึก ยูโร 2004 ผมหวังว่าจะไปได้ไกลกว่านั้น และถ้าถึงขั้นนำถ้วยกลับมาได้ก็ยิ่งดี ผมผิดหวังอย่างแรงที่ต้องออกจากสนามในเกมกับโปรตุเกสในยูโร 2004 ด้วยอาการบาดเจ็บ แต่นั่นคือแรงขับที่สำคัญซึ่งจะทำให้ผมตั้งใจมากขึ้นเป็นสองเท่าในฟุตบอลโลกคราวนี้”
ศูนย์หน้าวัย 19 ปีได้กล่าวถึงผลงานของอังกฤษในรอบคัดเลือกครั้งนี้ว่า “ถึงแม้เราจะโชว์ฟอร์มตกลงไปในช่วงท้ายๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการคว้าตั๋วไปเวิลด์คัพ นั่นคือการทำให้แฟนๆสมหวัง”
นอกจากนี้แล้วศูนย์หน้าดาวรุ่งผู้นี้ ยังหวังให้เพื่อนร่วมทีม แมนฯยูไนเต็ด อย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ คืนฟอร์มกลับมาได้ทันก่อนฟุตบอลโลก 2006
“ผมฝึกซ้อมกับเขาทุกวัน นั่นทำให้รู้ว่า ฝีเท้าของริโอ นั้นเก่งกาจเพียงใด แต่เรื่องของการเลือกตัวผู้เล่น ไม่ว่าใครก็ตามระว่าง ริโอ บิ๊กโซล หรือ จอห์น เทอร์รี่ คงต้องแล้วแต่การตัดสินใจของ สเวน ผมเสียใจกับอาการบาดเจ็บของ โซล แคมพ์เบลล์ แต่นี่ก็เป็นโอกาสดีที่ ริโอ จะได้กลับมาพิสูจน์ตนเองอีกครั้ง”
ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟนั้น อังกฤษยังมีผู้เล่นดีๆอย่าง เลดลี่ย์ คิง และเจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่อาจจะต้องยินยอมรับบทบาทอื่นในศึกฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง โดยที่ผ่านมา คาร์ราเกอร์ ถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแทนที่ แอชลี่ย์ โคล และเลดลี่ย์ คิง รับบทเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ตำแหน่งที่เขาเคยลงเล่นให้ต้นสังกัด “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส มาแล้ว
จะเห็นได้ว่านอกจากอังกฤษจะมีขุนพลที่เยี่ยมยอดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแล้ว พวกเขายังมีนักเตะสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้หลายตำแหน่งอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ –เลดลี่ย์ คิง ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว และอย่าลืมว่ายังมี ฟิล เนวิลล์, โจ โคล และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ อีกด้วย ที่สามารถลงเล่นได้มากกว่า 2 ตำแหน่ง และไม่ทำให้คุณภาพของทีมเสียไป
นั่นคือคุณสมบัติที่ถือว่าจำเป็นสำหรับการต่อสู้ฟาดฟันในช่วงหนึ่งเดือนเศษๆของทัวร์นาเม้นต์สำคัญอย่างฟุตบอลโลกที่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ การมีนักเตะตัวจริงที่แข็งแกร่งอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องมีอะไหล่สำรองที่พร้อมจะทดแทนให้ สเวน โกรัน อีริคส์สัน เลือกใช้ด้วย
แต่สุดท้ายแล้วความฝันของหัวหอกวัย 19 ปีอย่างเวย์น รูนี่ย์กับฟุตบอลโลกหนแรกของเขาจะประสบความสำเร็จได้จริงหรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อไป
