xs
xsm
sm
md
lg

เส้นทางของ "อากู๋" จาก "หุ้นหงส์" ถึง "หุ้นมติชน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก่อนที่ "อากู๋" นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) จะจัดแจงกว้านซื้อหุ้นของหนังสือพิมพ์ "มติชน" จนเรียกเสียงฮืออาอื้ออึง แฟนกีฬาที่เกาะติดกระแสข่าวในโลกกีฬามาโดยตลอดคงจำได้ดีว่า "บิ๊กบอสแกรมมี่" เคยตกเป็นข่าวฮือฮามาแล้วกับการเดินทางตามรอย "เสี่ยแม้ว" พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วยการรับลูกสานต่อการประกาศความสนใจต้องการซื้อหุ้นของสโมสร "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอดทีมดังที่มีเกียรติประวัติกลายเป็นตำนานบนเกาะอังกฤษ

โดยกรณีซื้อหุ้นบันลือโลกเริ่มต้นที่ เดวิด มัวร์ ประธานสโมสร และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถึง 51% ของทีมลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ออกมาประกาศผลประกอบการของทีมดังแห่งเมืองผู้ดีว่าขาดทุนย่อยยับในปี พ.ศ.2547 ด้วยยอดการขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 21.9 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,640 ล้านบาท

จากผลประกอบการที่ขาดทุนของสโมสรดังแห่งนี้ ทำให้ประธานสโมสรคนดังต้องออกมาประกาศยอมรับพร้อมที่จะเจรจากับกลุ่มทุนรายอื่น เพื่อขายหุ้นนำเงินรายได้มาพยุงฐานะทางการเงินของสโมสรแห่งนี้ ซึ่งหลังจากออกมาประกาศไม่นาน ก็มีนักธุรกิจท้องถิ่นที่เป็นคู่กัดกับประธานสโมสรอย่าง สตีฟ มอร์แกน แสดงความสนใจด้วยการเสนอเงินจำนวนถึง 70 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 5,250 ล้านบาท เข้าช่วยเหลือ เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน แต่สุดท้ายบิ๊กบอสหนวดงามทีมหงส์แดงก็ปฏิเสธการเทคโอเวอร์ครั้งนี้

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งสยามประเทศ เมืองท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกไกล ก็สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วทั้งโลก ด้วยการประกาศจะระดมทุนเพื่อให้คนไทยได้เป็นเจ้าของสโมสรใหญ่จากเมืองผู้ดี ซึ่งกำลังอยู่ในสภาวะที่ต้องการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปจับจ่ายใช้สอย หลังจากที่ทำผลงานตกต่ำในช่วงทศวรรษ 90 เป็นต้นมา

อย่างไรก็ตามแนวความคิดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีถูกคัดค้านจากผู้คนในสังคมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหากต้องการให้คนไทยไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แห่งสโมสรสีแดงแห่งเมืองลิเวอร์พูล อาจจะต้องหมดเงินไปเป็นจำนวนมากถึง 4,000 ล้านบาท พร้อมกับจะถือหุ้นใหญ่ด้วยจำนวน 30% ซึ่งถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป

แนวความคิดนี้ของรัฐบาลถึงเป็นอันว่าถูกพับเก็บไป แต่ก็ถูกส่งต่อให้ "อากู๋แกรมมี่" เจ้าของค่ายเทปใหญ่ที่มีศิลปินในสังกัดมากมายสานต่อ โดยเริ่มแรกนั้นมีการยืนยันว่า บอสใหญ่ค่ายยักษ์นั้นต้องการลงทุนในนามส่วนตัว แต่ภายหลังจากทราบราคามูลค่าหุ้นหงส์ว่าหากต้องการถือหุ้นใหญ่ 30% ก็ต้องใช้เงินถึง 4,000 ล้านบาท จึงเกิดแนวทางการวางแผนเข้าซื้อหุ้นทีมหงส์แดงใหม่ ด้วยการวางแผนดึงนักธุรกิจจากต่างชาติเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะนักธุรกิจจากประเทศจีน แต่แล้วเรื่องราวก็เงียบหายไป

อย่างไรก็ตามดูเหมือนความพยายามของบอสใหญ่ค่ายเทปดังยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีข่าวปล่อยจากตึกจีเอ็มเอ็มเป็นระยะว่า "อากู๋" ยังคงให้ความสนใจในหุ้นของสโมสรลิเวอร์พูลอยู่ แม้ข่าวคราวและความคืบหน้าจะไม่มี จนกระทั่งการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งที่ 5 ของทีมหงส์แดงเมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 ที่ทำให้ฐานะทางการเงินของสโมสรแห่งนี้มั่นคงขึ้นมาก

ถึงตอนนี้หลังจาก "อากู๋" ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หอบเงินมหาศาลไปกว้านซื้อหุ้นมติชน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย อาจจะทำให้ความหวังที่จะได้เห็นเจ้าของค่ายเทปในประเทศนี้ไปเป็นเจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลจบลงแบบถาวรซะที
กำลังโหลดความคิดเห็น