หลังคว้าแชมป์เมเจอร์รายการเดอะมาสเตอร์ปี 2004 มาครองได้สำเร็จ ฟิล มิคเคลสัน ยอดนักกอล์ฟมือซ้ายไม่สามารถก้าวเข้าไปใกล้ถ้วยเมเจอร์ในปีนี้ได้สักรายการเดียว แน่นอนว่าความหวังของโปรหมายเลข 4 ของโลกย่อมมุ่งหมายอยู่ที่ถ้วยเมเจอร์ใบสุดท้ายของปีอย่าง ยูเอสพีจีเอ ครั้งที่ 87 แม้จะมีนักวิจารณ์กีฬาหลายคนค่อนแคะว่าเป็น ‘ไมเนอร์ เมเจอร์’ หรือถ้วยที่มีความสำคัญน้อยที่สุด
โปรชั้นนำต่างก็ตบเท้าลงสนาม ‘บัสทัสรอล’ ตลอดการขับเคี่ยวทั้ง 5 วัน ดูเหมือนว่า มิคเคลสัน จะฉายรัศมีแชมป์มาตั้งแต่ต้น เพราะสามารถทำสกอร์ขึ้นนำได้ตั้งแต่วันแรกของการแข่งขัน แม้จะต้องลุ่มๆดอนๆ ในช่วงวันที่สองและสาม เมื่อโปรรายอื่นสามารถทำสกอร์ขึ้นมาเป็นผู้นำร่วมได้
จนกระทั่งการแข่งขันดำเนินมาถึงวันที่สี่ มิคเคลสัน ต้องตกอยู่ในสภาพกดดันอย่างหนักเมื่อ โธมัส บียอร์น และ สตีฟ เอลคิงตัน ทำคะแนนขึ้นมาเป็นผู้นำร่วม ก่อนที่จะต้องหยุดการแข่งขันในรอบสุดท้ายหลังสภาพอากาศไม่เป็นใจ เริ่มต้นการแข่งขันในวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม มิคเคลสัน ออกรอบพร้อมกับ เดวิด เลิฟ เดอะ เธิร์ด เป็นกลุ่มสุดท้าย
โดยคะแนนของ มิคเคลสัน นั้นแม้จะเป็นผู้นำ แต่ก็เป็นผู้นำร่วมและมีโอกาสต้องดวลเพลย์ออฟหลังจบการแข่งขันในหลุมที่ 18 หลัง บียอร์น และ เอลคิงตัน จบการแข่งขันด้วยสกอร์ 3 อันเดอร์พาร์เท่ากัน แน่นอนว่า ความกดดันตกอยู่กับ มิคเคลสัน ทันทีเขาต้องทำเบอร์ดี้ เท่านั้นถึงจะคว้าถ้วยเมเจอร์ใบที่สองมาครองได้
หลังไดร์ฟลูกมาตกอยู่ในแรวรัฟ โอกาสก็ตกเป็นของโปรวัย 35 ปีชาวสหรัฐฯ หากเขาสามารถชิปลูกขึ้นไปออนกรีนได้ ดังเช่นที่ แจ็ค นิกคลอส เคยทำมาก่อนด้วยเหล็ก1 ในการแข่งขันยูเอส โอเพ่นที่สนามแห่งนี้เมื่อปี 1980 และมิคเคลสัน ก็ไม่พลาดเมื่อเขาชิปออนกรีน วางลูกได้อย่างสวยงามจากหลุมเพียง3ฟุต ก่อนจะทำแชมป์เปี้ยนชิปพัตต์ เก็บแท็ปอินเบอร์ดี้ในหลุมสุดท้ายคว้าชัยชนะเหนือ โธมัส บียอร์น และ สตีฟ เอลคิงตัน ไปเพียงสโตรกเดียว
การคว้าแชมป์ยูเอสพีจีเอ ในครั้งนี้กลายเป็นถ้วยเมเจอร์ใบที่สองของ มิคเคลสัน หลังจากที่เคยคว้ากรีนแจ็กเก็ต จากเดอะมาสเตอร์ มาครองได้เมื่อปี 2004 หลังการแข่งขันนักกอล์ฟหมายเลข 4 ของโลกให้สัมภาษณ์ว่า
"สัปดาห์นี้นับเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ ที่สุดสำหรับผม เป็นการแข่งขันที่สร้างความตื่นเต้นได้เป็นอย่างมาก ตอนตีช็อตที่สองในหลุม 18 ผมคิดเพียงว่าต้องทำเบอร์ดี้เท่านั้นถึงจะมีสิทธิคว้าแชมป์ แม้แนวรัฟอาจจะเป็นอุปสรรคในการแข่งขัน แต่ด้วยความคุ้นเคยกับ บัสทัลรอล มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมไม่ค่อยหนักใจนัก และสามารถวางลูกบนกรีนได้ดังที่ตั้งใจไว้”
ชัยชนะชนิดเชือดเฉือนในทัวร์นาเม้นนี้ มิคเคลสัน ยอมรับว่าต้องใช้ฝีมือมากที่สุดในชีวิตนักกอล์ฟอาชีพ โดยกล่าวว่า "หลังจากบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เวลานี้คงต้องขอชื่นชมกับรางวัลให้สมกับที่ต้องแลกมาด้วย ความอุตสาหะ เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมต้องผจญกับความกดดันในการแข่งขันทุกรอบ แม้ว่าจะจบด้วยสกอร์ที่เป็นผู้นำ แต่มันก็ทำให้ผมหมดแรงทุกคืนหลังจบการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพอากาศไม่เป็นใจและเราต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอีกหนึ่งวัน มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าการแข่งขันในสัปดาห์นี้ช่างเต็มไปด้วยความตึงเครียด"
นอกจากจะคว้าแชมป์เมเจอร์รายการสุดท้ายมาครองได้สำเร็จแล้ว อันดับโลกของมิคเคลสัน ยังถูกปรับขึ้นไปอยู่ในอันดับสามแทนที่เออร์นี่ย์ เอลส์ โปรชาวแอฟริกาใต้ที่ปีนี้ทำผลงานได้ไม่ดีนัก ที่สำคัญ มิคเคลสัน ยังทำลายความหวังของ ไทเกอร์ วู้ดส์ โปรเพื่อนร่วมชาติที่หวังจะคว้าแชมป์เมเจอร์ รายการนี้เพื่อทำลายสถิติของ แจ็ค นิกคลอส ในการคว้าชัยชนะจากรายการเมเจอร์มากที่สุดถึง 18 ครั้ง
ระยะสนาม 7,392 หลาที่รวมแล้ว 4 วัน ฟิล มิคเคลสัน ต้องเดินทางยาวไกลถึง 29,568 หลา ท่ามกลางอุปสรรคนานับประการ กว่าจะคว้าแชมป์ยูเอสพีจีเอครั้งที่ 87 มาครอง ทั้งหมดนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า โปรวัย 35 ปีชาวสหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจเพียงใด เพราะถึงแม้จะถูกกดดันอยู่ในบรรยากาศผู้นำร่วมตลอด 3 วันของการแข่งขัน แต่มิคเคลสันก็ใช้ความเชื่อมั่นในตนเองแปลงเป็นอาวุธสำคัญในการปราบอุปสรรคและพิชิตเมเจอร์รายการสุดท้ายของปีมาได้สำเร็จ