ก่อนขึ้นสังเวียนเอ็มซีไอ เซ็นเตอร์ ณ กรุงวอชิงตัน ในการชกนัดพิเศษรุ่นเฮฟวี่เวท อดีตแชมป์โลก 3 สถาบัน ไมค์ ไทสัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นชกว่าจะอำลาผืนผ้าใบทันที "หากพ่ายให้กับ เควิน แม็คไบร์ด คู่ชิงชาวไอริช" ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดดังกล่าวจะกลายเป็นจริง ทั้งที่ในวันชั่งน้ำหนักไทสันยังกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะอัด “แม็คไบร์ด” ให้กลายเป็นปลาป่นไปเลย
ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ของไทสัน เป็นความพ่ายแพ้ครั้งที่ 3 หลังหวนกลับคืนสู่สังเวียนผ้าใบมาแล้ว 4 ครั้ง และเป็นการชกอีกครั้งที่ไทสัน ทำผิดกติกา เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงยกที่ 6 ซึ่งไทสันเริ่มรับสภาพแล้วว่า ไม่อาจสู้มวยร่างยักษ์ชาวไอริชได้ จึงงัดแท็คติกเก่าๆของตนเองมาใช้ ด้วยการใช้ศีรษะชนใบหน้าของคู่ต่อสู้ จนแม็คไบร์ดนั้นแตกยับบรเวิณคิ้วซ้าย เป็นเหตุให้ไทสัน ถูกกรรมการตัดคะแนน 2 แต้ม
หลังกรรมการให้ แม็คไบร์ด ตรวจแผลแตกและกลับมาชกกันใหม่ ไทสัน พยายามจะซ้ำรอยแผลแตกของนักชกชาวไอริช แต่คู่ต่อสู้รู้ทันจึงเดินหน้าแจกหมัดใส่มฤตยูดำแบบไม่เลี้ยง ปลายยกที่หกไทสัน จึงตัดสินใจเอาตัวรอดด้วยการพยายามหนีบหมัดและหักแขนแม็คไบรด์ เป็นเหตุให้กรรมการบนเวที โจ คอร์เตส เตือนเป็นครั้งสุดท้าย ว่าหากทำผิดกติการเช่นนี้อีกจะถูกปรับแพ้ทันที
ในช่วงปลายยกที่ 6 นั้นไทสัน ถูก แม็คไบร์ด ต่อยลงไปกองอยู่กับพื้นจนต้องเอาหัวพาดกับเชือก พอดีกับที่เสียงระฆังหมดยกดังขึ้นไทสันจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินเข้ามุมของตนเอง ด้วยสภาพเช่นนี้กรรมการบนเวที โจ คอร์เตซ เดินเข้าไปที่มุมของไทสัน ถามถึงสภาพความพร้อมซึ่งเทรนเนอร์ของมฤตยูดำ ได้แจ้งกับกรรมการว่านักมวยของเขานั้นต่อยต่อไม่ไหวแล้ว คอร์เตซ จึงเดินไปชูมือให้แม็คไบร์ด เป็นผู้ชนะทันที
ดูเหมือนว่า อดีตแชมป์โลกผู้ยิ่งยง จะรู้ดีว่าหากตัดสินใจออกไปเผชิญกับพายุหมัดของ แมคไบร์ด ต่อในอีก 4 ยกที่เหลือเขาคงต้องพ่ายแบบหมดสภาพ เมื่อเสียงระฆังยกที่ 7 เตือนให้ออกไปกลางเวที ไทสันในวัย 39 ปี ตัดสินใจไม่เดินออกจากมุม เป็นสัญญาณว่ายอมแพ้แก่นักมวยรุ่นน้องวัย 32 ปี และเป็นครั้งแรกที่ไทสันต้องปราชัยให้กับนักมวยผิวขาวบนสังเวียนผ้าใบ
ไทสัน ในฐานะผู้แพ้ยืนมองความสำเร็จของ เควิน แม็คไบร์ด ด้วยใบหน้าที่ยากจะอธิบาย ก่อนจะเดินเข้าไปแสดงความยินดีกับคู่ชก หลังการแข่งขันไทสันกล่าวว่า "ถึงเวลานี้ผมรู้สึกว่าตนเองไม่อยากจะใส่นวมขึ้นชกอีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ต้องเจ็บตัวด้วยการชกมวยอีกต่อไป การตัดสินใจแขวนนวมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและมันยังทำให้ผมพอจะรักษาความเคารพนับถือในตนเองไว้ได้บ้าง"
ในส่วนลึกแล้ว ไทสัน ต้องการชัยชนะในการแข่งขันไฟท์นี้เป็นอย่างมาก โดยแผนการก่อนขึ้นชกนั้น”มฤตยูดำ” ตั้งใจไว้ว่าต้องโค่น แม็คไบร์ด ให้ได้โดยเร็วเพราะความเสียเปรียบเรื่องช่วงชก รวมไปถึงอายุที่ใกล้จะ 40 ปี ไทสันจึงรู้ขีดจำกัดของตนเองดีที่สุด แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน และดูเหมือนจะยืดเยื้อต่ออีกหลายยก ไทสัน จึงตัดสินใจยอมแพ้ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการถูกน็อคบนเวที
หลังการแข่งขันนักชกผู้สามารถเอาชนะมฤตยูดำมาได้กล่าวถึงการเล่นนอกเกมของ ไทสันว่า "ในระหว่างชก ไทสันพยายามจะหักแขนผม มันเป็นพฤติกรรมที่แย่มากและไม่น่าจะเกิดขึ้นในวงการมวยอาชีพ"
แม้ว่า ไทสัน จะยังคงแสดงพฤติกรรมเป็นอันธพาลบนสังเวียนผ้าใบ แต่ในการแข่งขันที่ เอ็มซีไอ เซนเตอร์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ชื่อของไทสัน ยังคงมีมนต์ขลังที่ สามารถเรียกผู้ชมเข้าสนามได้มากถึง 15,472 คน แน่นอนว่า ทุกคนต้องการเห็นไทสัน กลับมายิ่งใหญ่บนสังเวียนผ้าใบอีกครั้ง ก่อนหน้าการชก โมฮัมหมัด อาลี ได้เข้ามาให้กำลังใจ ไทสัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากสำหรับอดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท ที่ยังไม่สามารถเอาชนะใครได้หลังกลับคืนสู่สังเวียน โดยครั้งสุดท้ายที่ไทสันใช้กำปั้นโค่นคู่ต่อสู้นั้นเป็นเวลา 14 ปีมาแล้วในการพบกับ เรเซอร์ รัดดอก
ในการขึ้นชกครั้งนี้ ไทสัน ได้รับค่าตัวเป็นเงินจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 200 ล้านบาท) นับเป็นค่าตัวที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ขึ้นเวทีชกมวยมา โดยเงินจำนวนนี้จะต้องถูกแบ่งจ่ายหนี้สิ้นของเขาเป็นจำนวนเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจ่ายให้กับอดีตภรรยาเป็นค่าเลี้ยงดูจำนวน 750,000 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้เงินจำนวนที่เหลืออยู่นั้นน้อยนิดนักสำหรับอดีตแชมป์โลกที่เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา
แม้จะสามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้จำนวนหนึ่งแต่ไทสัน ยังมีหนี้สินเหลืออีก 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถ้าเขาไม่แพ้ในครั้งนี้จะมีการชกเกิดขึ้นอีก 7 ครั้งเพื่อให้ไทสัน จ่ายหนี้ในส่วนที่เหลือ แต่เมื่อถึงเวลาดูเหมือนว่า ไทสัน จะอ่อนล้าเกินไป สังขารที่ร่วงโรย พร้อมกับชื่อเสียงที่เสื่อมถอย ปลายทางสุดท้ายของอดีตแชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ กลับเหลือทางออกไม่มากนัก และอีกไม่นานชื่อของ ไทสัน คงเป็นได้แค่เพียงตำนานอีกบทหนึ่งของสังเวียนผ้าใบ
