xs
xsm
sm
md
lg

สาวลึกชี้ ‘ทหารรุ่นพี่’ สั่ง ‘แม่ทัพกุ้ง’ หยุดยิง แจงเหตุกลับคำหวั่นเชื่อมโยงกลุ่มผลประโยชน์อื้อ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาค 2 มั่นใจ‘ทหารรุ่นพี่’ เป็นผู้สั่งการให้แม่ทัพกุ้งหยุดยิง คาด‘กุ้ง’ จะเก็บชื่อคนสั่งซ่อนไว้ในใจและติดตัวไปจนตายระบุเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สังคมได้รู้ว่ามีทหารมืดหากินกับเขมรและเชื่อมกลุ่มผลประโยชน์มีอยู่จริง อาจเป็น‘นายทุน’ การเมือง ร่วมส่งกำลังใจให้ ‘แม่ทัพกุ้ง’ เข้มแข็งมีโอกาสบอกความจริงจะได้ช่วยล้างประเทศให้สะอาด ด้านพล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขา สมช.แจงไม่อยากให้เรื่องนี้จบแบบ งง งง คาดการกลับคำของแม่ทัพกุ้ง อาจเกิดจากมีคนสะกิดให้หยุดเกรงบานปลาย สาวลึกอาจผิด กม.อาญาทหาร ม.30,31 ฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาเสียเองมีความผิดถึงขั้นประหารชีวิต!

แม้ว่า ‘แม่ทัพกุ้ง’ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ปัจจุบันเกษียณอายุแล้ว จะยอมอมเลือดและปล่อยให้คำพูดของตัวเองที่ว่ามีบุคคลโทรศัพท์สายตรงสั่งให้หยุดยิงในช่วง 6 ชั่วโมงแรก ที่มีการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 24 ก.ค ซึ่งมีจุดเริ่มต้นตรงปราสาทตาเมือนธม (จังหวัดสุรินทร์) กลายเป็นปริศนาดำมืดก็ตาม

แต่ประเด็นนี้อาจไม่จบง่าย ๆ เพราะสังคมยังเคลือบแคลงและต้องการคำตอบจากการพูดของแม่ทัพกุ้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. เพราะเพียงแค่ 2 วัน โดยวันที่ 10 พ.ย.แม่ทัพกุ้งก็กลับคำว่า ‘ไม่ได้มีใครมาสั่งให้หยุดปฏิบัติการทางทหาร’ และบทสนทนานั้นเป็นเพียงการหารือทั่วไป พร้อมปฏิเสธผู้ที่อยู่ในข่ายเป็น ‘ผู้บังคับบัญชา’ ทั้ง 4 คน ไม่ได้สั่งหยุดยิง ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย , พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.สส. และพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังแม่ทัพกุ้งกลับคำครั้งนี้ยิ่งเห็นถึงความแตกแยกในสังคมค่อนข้างสูง ใครที่เป็นแฟนคลับของแม่ทัพกุ้ง ก็เชื่อแต่แรกแล้วว่ามี ‘คนสั่งให้หยุดยิง และสั่งให้หยุดพูด’ ขณะที่อีกกลุ่มก็โจมตีถ้ากลับลำแบบนี้จะออกมาพูดว่ามีคนสั่งเพื่ออะไร ต้องการอะไร ซึ่งเราจะเห็นได้จากใต้คอมเมนต์จากข่าวที่เกี่ยวข้องกับแม่ทัพกุ้งชัดเจน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าแม่ทัพกุ้งจะยอมอมเลือดและปล่อยให้ ‘ใครสั่ง’ เป็นปริศนาดำมืด แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่สามารถยุติได้ง่าย ๆ เพราะวันนี้ กมธ.การทหารฯ ทั้งของ สส.และสว.ให้ความสนใจที่จะค้นหาความจริงว่ามีคำสั่งจริงหรือไม่ และถ้ามีจริงใครเป็นคนสั่ง เพื่อเหตุผลใด และคำสั่งนั้นชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะมีผลทั้งต่อตัวผู้สั่งและผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพื่อเป็นการถอดบทเรียนในการบริหารราชการด้านความมั่นคงของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้นเรื่อง ‘ใครสั่ง’ อาจไม่จบง่าย ๆ เพราะความจริงอาจมีผลประโยชน์ซ่อนอยู่หรือเกี่ยวข้องกับระเบียบทางทหาร จนแม่ทัพกุ้งต้องถูกสะกิดให้ ‘ปิดปาก’ ได้เช่นกัน !




พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ระบุว่า คำพูดของแม่ทัพกุ้งที่เกี่ยวกับมีบุคคลโทรศัพท์สายตรงสั่งให้หยุดยิงในช่วง 6 ชั่วโมงแรก เป็นการพูดจากความจริง และไม่ใช่เรื่องของปากพาไป แต่ต้องไม่ลืมว่าอะไรที่อยู่ในใจ เมื่อถูกถามจี้ใจดำก็จะหลุดออกมา แต่การพูดครั้งที่ 2 ที่ว่าไม่มีใครสั่งนั่นบอกได้เลยว่าเป็น ‘คำแก้ตัว-ถูกปิดปาก’ โดยต้องรู้จักนิสัยและธรรมชาติของ ‘กุ้ง’ เพื่อจะได้ถอดรหัสและค้นหาว่าสิ่งที่ ‘กุ้ง’ พูดคือความจริงหรือไม่ โดยตีกรอบหาคนที่สั่งเขาได้ ‘คือใคร’ และครั้งนี้เป็นการโทรศัพท์ ก็แปลว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จัก เพราะนิสัย ‘กุ้ง’ ถ้าไม่รู้จักจะไม่รับสาย

“คนที่โทร.หากุ้งต้องเป็นทหาร เพราะกุ้งเรียกผู้บังคับบัญชา และเค้าเรียกว่าน้อง ดังนั้น คนที่โทร.ต้องเป็นรุ่นพี่ และเป็นทหาร แต่ทหารจากจุดไหน ต้องถามกุ้งเอา ไม่งั้น กุ้งจะรับโทรศัพท์และบอกว่าเป็นผู้บังคับบัญชาได้ไง จะบอกว่าเป็นนายภูมิธรรม ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นทหาร ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อย”

ส่วนใครคือผู้บังคับบัญชา ก็ต้องตีกรอบให้แคบลงมาอีกก็ต้องไล่สายการบังคับบัญชา จากแม่ทัพภาค ก็เป็น ผบ.ทบ. ต่อมาก็จะเป็น ผบ.สส. ลำดับต่อไปก็กระทรวงกลาโหม ซึ่งในกระทรวงฯ นอกจากรัฐมนตรี ก็ยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในนั้นเช่นที่ปรึกษา หรือใครที่เป็นทหารอีก ซึ่งมั่นใจได้ว่า คนโทร.หาต้องเป็นทหาร ไม่ใช่การเมืองแน่นอนและต้องเป็นรุ่นพี่

แล้วเหตุใดเพียงแค่ 2 วันแม่ทัพกุ้ง ถึงกลับคำว่าไม่มีใครสั่งให้หยุดยิง พล.ท.กนก บอกว่า เพราะเรื่องนี้เริ่มบานปลาย สื่อเริ่มขุดคุ้ยกันมาก และมีการโจมตีกัน ทำให้แม่ทัพกุ้งต้องถูกเบรกให้หยุดพูด และเปลี่ยนคำพูดว่าไม่มีใครสั่งให้หยุดยิง ซึ่งคนที่ทำให้แม่ทัพกุ้งต้องปฏิบัติตามเชื่อได้ว่า คือเพื่อนร่วมรุ่น หรือรุ่นพี่ที่สนิทกัน

“เมื่อกุ้งพูดกลับไปกลับมา ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ในตัวเขาเสียหาย จะทำให้คนที่ศรัทธาในตัวกุ้งลดลง เพราะเขาพูดต่อหน้าสื่อ พูดต่อหน้าสาธารณะ เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อพูดออกไปแล้ว ‘คำพูดเป็นนาย’ เราทันที ส่วนที่เขายอมกลับคำก็เพราะกุ้งมีตำแหน่งที่ปรึกษา ผบ.ทบ. คงต้องคุยอะไรกัน และรู้กันว่าอะไรเป็นอะไร”

พล.ท กนก บอกอีกว่า การโทรศัพท์สั่งการเช่นนี้จะถือว่าแม่ทัพกุ้งขัดคำสั่งไม่ได้ เพราะการขัดคำสั่งด้วยวาจามันไม่มีหลักฐาน ถ้ามั่นใจต้องสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งเชื่อได้ว่าไม่มีใครกล้าจะสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือทหารที่มีอำนาจใหญ่โต ก็ไม่มีใครกล้า เพราะเป็นการกระทำที่ผิด

“ตอนที่ผมยังอยู่ในกองทัพจะสั่งให้ผมทำอะไรก็เขียนมา ว่าจะให้ทำอะไร จะให้ปรับหรือให้ถอนกำลัง ให้หยุดยิง ต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยส่วนมาก คนสั่งไม่กล้าทำหรอกเพราะมันผิดต่อหน้าที่ทหาร ที่ต้องรักษาอธิปไตย”

พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และเป็นอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี
ขณะเดียวกันเชื่อว่าแม่ทัพกุ้ง ไม่ยอมเปิดปากว่าใครเป็นคนสั่งให้หยุดยิงแน่ ๆ และอาจถูกบีบให้ยุติไม่ขยายความเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นแม่ทัพกุ้งคงไม่หลบแบบนี้หรอก และถ้า กมธ.ทหารฯ ทั้ง สว.และสส.เรียกไปสอบเชื่อมั่นว่าถ้าแม่ทัพกุ้งจะพูดเหมือนที่พูดกับสื่อนั่นแหละ

“คำพูดครั้งแรกเป็นนาย คำพูดครั้งที่ 2 เป็นคำแก้ตัว หาก กมธ. เรียกไปสอบ กุ้ง จะพูดเหมือนที่ออกสื่อ กุ้งก็จะเก็บซ่อนอยู่ในใจ คงติดตัวไปจนตาย แต่มีข้อดีอยู่ที่ว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนรู้ว่ามันมีทหารมืด ๆ อยู่ พวกที่มีอำนาจมืดอยู่มันหากินกับเขมร ให้รู้ว่า ชายแดน ไม่สดใส ไม่สะอาด มีเงาทะมึน ๆ อยู่เบื้องหลัง ถึงกล้าทำแบบนี้”

นอกจากนี้เมื่อเรื่องมันเริ่มบานปลาย ก็ต้องสะกิดให้แม่ทัพกุ้งหยุด และให้หลบ ๆ กระแสไปก่อน เพราะถ้าปล่อยให้แม่ทัพกุ้งไปตอบคำถามสื่อว่าใครสั่งอยู่อีก ก็จะเกิดการสาวไส้ต่อไปอีกว่าทหารพวกนี้มีกี่คน เพราะเรื่องนี้คนเดียวทำไม่ได้ สื่อต้องล้วงแคะแกะเกาให้ได้ว่า คนที่สั่งนี้มาจากไหน อยู่ที่ไหนบ้าง เชื่อมโยงใครอยู่เบื้องหลัง เกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่อย่างไร เช่นคนที่อยู่เบื้องหลังจริง ๆ เป็นนายทุนให้พรรคการเมืองหรือไม่

อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 บอกต่อว่า เรื่องปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ย้อนไปดูว่าที่ผ่านมาทำกันเต็มที่หรือไม่ ย่อหย่อนตั้งแต่รัฐบาลพูดอย่างทำอย่างซึ่งประเทศไทยแพ้เขมรตรงนี้และก็ไม่ยอมที่จะแก้ไข จึงหนีไม่พ้นในเรื่องที่ถูกมองว่าใครเข้ามามีอำนาจก็จะถูกผลประโยชน์ครอบงำ ซึ่งมีวิธีครอบหลายวิธี เช่นสนับสนุนทุนให้พรรค ให้บุคคล ทำให้เราไม่จริงจังแก้ปัญหา ถ้าเราตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาน Wi-fi ทำไมไม่เอาขึ้นมากดดันเขมร ในการประชุมสภาความมั่นคง จริง ๆ ทหารไทยขาขาดข้างหนึ่งเราต้องตอบโต้ตัดไฟให้หมดทั้งเมือง เราต้องกดดันหนักกว่านี้ ไม่ให้เขมรเหิมเกริม อย่าปล่อยให้ฮุน เซน มาท้าทายว่า ปิดด่านอีก 500 ปี เขมรก็อยู่ได้

“กุ้งรู้ ว่าอะไรคืออะไร อยากให้เขาเปิดออกมา แต่ใครจะมาทำลายเขื่อนหัวใจกุ้งยอมเปิดได้ เพราะกลุ่มผลประโยชน์เขาต้องมีลูกน้อง บริวาร ขณะที่ คนทำดี หัวเดียวกระเทียมลีบมันอันตรายนะ ก็ให้กำลังใจกุ้งเค้า ให้เข้มแข็ง มีโอกาสก็บอกความจริงกับสังคม จะได้ช่วยล้างประเทศให้สะอาด” พล.ท.กนก ระบุ


ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า หากจะพูดแบบภาษาชาวบ้าน การพูดครั้งแรกว่ามีคนสั่งให้หยุดยิง เสมือนปากพาไป เพราะในทางการทหาร ตามหลักการถ้าผู้บังคับบัญชาสั่ง หากไม่ปฏิบัติตาม ย่อมมีความผิดในฐานะกบฏได้ เพราะอยู่ในระหว่างสงคราม มีกฎอัยการศึก แต่เราก็ต้องไปดูว่าคำสั่งนั้นถูกต้องหรือไม่ สั่งเรื่องการรบหรือไม่ หรือสั่งทางการเมือง เพราะถ้าสั่งทางการเมืองก็ต้องมาอธิบาย เพราะบางครั้งวิธีทางการเมืองก็เอาชนะได้ แต่ไม่ใช่ปล่อยผ่านไป

“ถ้ามีคนสั่งจริง ก็ต้องมาพูดกันว่า สั่งว่าอย่างไร ไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ แต่ว่า กระบวนการอย่างนี้ จะทำให้รบชนะมั้ย ก็มาวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่ถ้าสมมุติว่า ไม่มีใครสั่งแต่พูดแบบปากพาไป ก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกันคือ จะบอกว่าให้ลืมๆ กันไป คงลืมไม่ได้หรอกเพราะคนสงสัย ก็ต้องสงสัยไปเรื่อย ๆ”

อย่างไรก็ตาม กรณีแบบนี้อย่าปล่อยให้เป็นข้อสงสัย ต้องเอามาตั้งประเด็น แม้แต่การหารือ ก็นำมาพูดคุยว่ามีการหารืออย่างไร จะได้ถอดบทเรียนถ้ารบแบบนี้ จะเสนอแบบนี้ หรือไม่เสนออย่างนั้นจะทำให้รบชนะหรือไม่

ทว่าการที่เขาโทร.สั่งก็ต้องดูว่าการพูดของเขามีให้แนวทางยุทธการหรือไม่ และให้ประโยชน์อย่างไร หรือว่าผู้โทร.มียุทธการให้ แต่แม่ทัพกุ้งไม่ทำตาม ซึ่งก็ถือว่าโชคดีไปที่ไม่ทำตาม แต่ถ้าทำตาม แล้วเกิดผิดพลาดมา จะทำอย่างไร นี่คือบทเรียนที่ต้องมาเคลียร์กันว่าให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าใช้จริงมันเสียหายอย่างไร คือ ต้องบันทึกไว้

พล.ท.พงศกร ยกตัวอย่างการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาในทางทหารเป็นอย่างไร ในกรณีการออกศึกของสมเด็จพระนเรศวรฯ ในสมัยอยุธยา โดยให้ ‘พระราชมนู’ ไปรบอยู่ข้างหน้า ทำท่าว่าจะชนะ พระนเรศวรมีรับสั่งให้ถอย ก็ไม่ถอย เพราะเห็นว่ากำลังรบติดพันและจะชนะอยู่แล้ว จนกระทั่งมีม้าเร็วมีรับสั่งไปอีกทีว่า ถ้าไม่ถอย ให้เอาหัวมา พระราชมนู ก็ต้องถอยมา พอถอยมา พม่าก็ตามมา นึกว่ารบแพ้ ก็โดนกระหน่ำ โดนจัดการทั้งหมดแทนที่จะจัดการได้ส่วนเดียว เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าบางเรื่องต้องรู้กัน ต้องฟังกัน ไม่ฟังคำสั่งนี่ไม่ได้ อันดับแรก ส่วนคำสั่งนี้ ใช้ได้หรือไม่ ก็ต้องมีการตรวจสอบกันอีกขั้นหนึ่ง

อีกทั้งคำสั่งให้หยุดยิงถ้าใช้ในสนามรบคำสั่งด้วยวาจา ก็ถือว่า เป็นคำสั่งแล้ว ใครจะเขียนหนังสือสั่งการไม่ทันหรอก!

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
“ผมว่าที่แม่ทัพกุ้งพูดวันแรกน่าจะปากพาไปมากกว่า เพราะถ้าพูดอีกโอกาสติดคุกแน่ เลยไม่เอาดีกว่า มาบอกว่าไม่มีคำสั่ง เพราะถ้าผู้บังคับบัญชาสั่งให้หยุด คุณไม่หยุดคุณขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชานะ ผู้บังคับบัญชาคนนั้นโดนด่า คุณก็ติดคุกเหมือนกัน”

พล.ท. พงศกร บอกว่า แม่ทัพกุ้ง ไม่ใช่นักการเมือง เป็นคนพูดซื่อ ๆ ไม่ค่อยระวัง เพราะเป็นนายทหาร มีแต่คนฟัง ไม่มีคนเถียง จะพบว่านายทหารบางคน ไปอยู่การเมือง ก็เป๋ เพราะไปพูดไม่มีใครฟัง นอกจากนายทหารคนนั้นจะไปเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ แบบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะมีแต่คนฟัง เพราะคนกลัว และที่น่ากลัวคือเวลานี้แม่ทัพกุ้งมีแฟนคลับ รักมาก ก็ต้องระวังจะหลงไปแบบกันจอมพลัง ถ้ามันมากเกินไปก็จะพลาดได้ และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ทำให้แม่ทัพกุ้งระวังตัวมากขึ้น ยิ่งมาพูดทางการเมืองยิ่งต้องระวัง เพราะแม่ทัพกุ้ง มีบุคลิกเป็นคนซื่อ จะทำอะไรแบบการเมืองก็จะตายเปล่า

ส่วนที่บอกว่ามีคำสั่งให้หยุดยิง จะบอกให้ลืม ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จะทิ้งไว้เป็นปริศนาดำมืดแบบนี้กันหรือ ทั้งกระทรวงกลาโหม กองทัพ จะไม่สอบกันหรือ ซึ่งเชื่อว่าเขาไม่สอบกันหรอก ช่วย ๆ กัน ก็ขอให้สงบปากสงบคำ อย่าพลาดอีก ซึ่งส่วนตัว พล.ท.พงศกร ไม่เห็นด้วยที่จะปล่อยให้เรื่องเงียบไป จบกันแบบงง งง และผลเสียก็จะอยู่ที่ตัวแม่ทัพกุ้งในการพูดกลับไปกลับมา ความเชื่อมั่นจะลดลง

“พูดครั้งแรกปากพาไป แล้วไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จริงๆ ต้องมาคุยกัน ใครพูดใครไม่พูดทหารมีหน้าที่ไปรบ ไม่ใช่ออกข่าว คือ รบให้ชนะ แล้วมารายงานผู้บังคับบัญชา ก็จบแล้วนี่ขณะกำลังรบกัน ก็เดินสายพูดอยู่นั่นล่ะ”

ขณะเดียวกันที่ออกมาพูดครั้งที่ 2 ว่าไม่มีใครสั่งให้หยุดยิงนั้น ต้องมีคนสั่งหรือบอกกับแม่ทัพกุ้ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งจริง ๆ อาจจะไม่ได้สั่งก็ได้ อาจจะเป็นการสะกิดให้ย้อนไปคิดและพูดดี ๆ เพราะการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา จะติดคุกเพราะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งในสนามรบต่อหน้าอริราชศัตรู ซึ่งต้องโทษโหดมากถึงขั้นประหารชีวิต

“มาตรา 30 , 31 ประมวลกฎหมายอาญาทหาร เขียนไว้ชัด ผู้ใดเป็นทหารและขัดขืนหรือละเลยมิกระทำตามคำสั่ง โดยเฉพาะต่อหน้าอริราชศัตรู ต้องระวางโทษ ถึงขั้นประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2
ทั้งนี้การที่แม่ทัพกุ้งบอกถ้าเขาเปิดเผยชื่อคนที่โทร.สั่งการ คนคนนั้นจะถึงขั้นโดนประหารชีวิตนั้น จริง ๆ ตัวแม่ทัพกุ้งเองก็เสี่ยงที่จะโดนเพราะถ้ามีคำสั่ง และคนสั่งมีสิทธิ์สั่งก็ต้องไปรับผิดชอบกับคำสั่งของตัวเขาเอง จะผิดจะถูกว่ากันไป ส่วนแม่ทัพกุ้งมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ถ้าไม่ทำตาม ก็จะโดนเช่นกัน

“หากคุณภูมิธรรมเป็นคนสั่ง ในเวลานั้น เขามีอำนาจเต็มก็สามารถสั่งได้ แต่เขาสั่งด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องชี้แจง แต่ถ้าแม่ทัพกุ้งขัดคำสั่งต่อหน้าอริราชศัตรูกฎหมายอาญาทหารชัดเจนต้องตัดหัวก่อนแล้วค่อยไปคุยกัน”

จากนี้ไปต้องติดตามว่าแม่ทัพกุ้ง จะยอมเปิดปากหรือไม่ว่าใครคือผู้สั่งการให้หยุดยิงหรือจะยังคงเป็นปริศนาดำมืดเพราะเกรงจะสาวไส้ถึงผู้มีอิทธิพลและกลุ่มผลประโยชน์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในนั้น!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j



กำลังโหลดความคิดเห็น