ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กปภ.เปิดรับฟังความคิดเห็น ทบทวนแผนการผลิตน้ำประปา และ พัฒนาโครงข่ายท่อส่งน้ำ เพื่อแก้ปัญหาขาดน้ำ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ฯ รองรับระยะเวลา 20 ปี ใช้งบลงทุน 26,000 ล้านบาท
เมื่อเร็วๆนี้ การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัทที่ปรึกษา ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใน โครงการผลิตและส่งน้ำประปาจากเขื่อนรัชชประภา ไปยังจังหวัดภูเก็ต พังงา และ กระบี่ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และ การผลิตน้ำประปา เพื่อรองรับการใช้น้ำในอีก 20 ปีข้างหน้า รวมทั้ง จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยมีนายสุกฤษฏิ์ กลิ่นสนธิ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาภูเก็ต เป็นประธานเปิด และมีตัวแทนจากภาครัฐ และเอกชน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่เข้าร่วม ณ โรงแรมเดอะพาโก้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดยนายภาวัต สุดแลย ผู้อำนวยการกองแผนงานโครงการหลัง ผู้แทนการประปาส่วนภูมิภาค กล่าวว่า การกระชุมประฐมนิเทศโครงการ ในครั้งนี้ เป็นไปตามข้อสั่งการของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 67 ที่ให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งทบทวนปรับแผนการผลิตน้ำประปาและพัฒนาโครงข่ายท่อส่งน้ำประปาเพื่อรองรับการลงทุนและการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ร่วมทั้งให้ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำแนวทางการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน มาใช้ในการดำเนินโครงการ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน
และเพื่อให้เป็นไปตามข้อสั่งการ ทางการประปาส่วนภูมิภาคจึงว่าจ้าง ทีมคอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์แมเนจเม้น จำกัด(มหาชน) ให้ดำเนินการศึกษาทบทวนความเหมาะสมโครงการผลิตและส่งน้ำประปาจากเขื่อนรัชชประภา ไปยังจังหวัดภูเก็ต พังงา และ กระบี่ และจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หลักการของโครงการร่วมลงทุน จัดเตรียมเอกสารในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน และทำหน้าที่ที่ปรึกษาตามที่กำหนด ซึ่งการศึกษาครั้งนี้เป็นการทบทวนผลการศึกษาเดิม ปี 2567 ทั้งเรื่องแผนการพัฒนาระบบประปา แผนการใช้น้ำ รวมถึงพิจารณารูปแบบในการลงทุน และแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่มีการลงทุนสูงเป็นหมื่นล้าน เพื่อเป็นการลดภาระด้านงบประมาณของรัฐและสนับสนุนในการใช้ศักภาพของเอกชนในการดำเนินโครงการ
และการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่างๆของโครงการให้ประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภาครัฐ เอกชน ได้รับทราบข้อมูลของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแหล่งน้ำดิบ โรงงานผลิตน้ำประปา แนวท่อส่งน้ำประปา พื้นที่ให้บริการ แนวทางการลงทุนร่วม รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมประชุม
อย่างไรก็ตามในการศึกษาใช้เวลาศึกษา 960 วัน เริ่มตั้งแต่ 10 ก.ค. 67 – 24 ก.พ.70 พื้นที่โครงการครอบคลุมพื้นที่การประปา ของ ภูเก็ต กระบี่ อ่าวลึก พังงา ท้ายเหมือง บ้านตาขุน รวมถึงพื้นที่ให้บริการประปาขององค์กรปกครองถิ่นที่อยู่ตามแนวทางวางท่อส่งน้ำประปาเส้นหลัก จากเขื่อนรัชชประภาไปยังจังหวัดภูเก็ต สำหรับผลการศึกษาในเบื้องต้น พบว่าแนวทางที่เหมาะสมพบว่าแหล่งน้ำดิบที่นำมาใช้ในการผลิตน้ำประปา เป็นแหล่งน้ำดิบใน คลองพุมดวง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี โดยก่อสร้างฝายเพื่อยกระดับน้ำเข้าสระสำรองน้ำดิบและสร้างสถานีสูบน้ำ บริเวณสระสำรองน้ำดิบเพื่อสูบน้ำไปยังระบบผลิตน้ำประปา โดยมีกำลังผลิต 14,000 ลูกบาตรเมตรต่อชั่วโมง รอบรับการใช้น้ำ 20 ปี โดยแบ่งกำลังการผลิตออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะแรก ปี 2574 -2583 มีกำลังผลิตขนาด 7,000 ลูกบาตรเมตรต่อชั่วโมง ระยะที่ 2 ปี 2584-2593 กำลังผลิตเพิ่มอีก 7,000ลูกบาตรเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนระบบท่อส่งน้ำประปา จะมีการท่อจากโรงงานผลิตน้ำประปา ที่ ต.ต้นยวน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ส่งไปยัง จ.ภูเก็ต โดยวางท่อในเขตทางหลวง ผ่านพื้นที่ จ.กระบี่ จ.พังงา โดยจ่ายน้ำให้กับการประปาส่วนภูมิภาค 6 สาขา ได้แก่ กปภ.สาขาบ้านตาขุน กปภ.สาขาพังงา กปภ.สาขาท้ายเหมือง กปภ.สาขาอ่าวลึก กปภ.สาขากระบี่ และ กปภ.สาขาภูเก็ต ความยาวท่อส่งน้ำรวม 300.70 กม. คาดเงินลงทุนกว่า 26,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำของ กปภ.6 สาขา รวมกับ ความต้องการใช้น้ำประปาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 21 แห่ง พบว่า ในปี 2574 -2583 ความต้องการใช้น้ำประปาสูงสุด 61.55 ล้านลูกบาศก์บาตรเมตอต่อปี ความต้องการน้ำดิบ 67.71 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และในปี 2584 -2593 ความต้องการใช้น้ำประปาสูงสุด 123.18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ความต้องการน้ำดิบ 135.51 ลูกบาศก์เมตรต่อปี
หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นตามแผน จะสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ในพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ และ สุราษฎร์ ได้ ขณะที่ผู้เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นต่างเห็นด้วยกับโครงการ แต่อยากให้มีการขยายเขตการให้บริการครอบคลุมให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ เขาหลัก อ.ตะกั่วป่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีปัญหาขาดแคลนน้ำเช่นเดียวกับ จ.ภูเก็ต


