xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ทหาร วุฒิสภาเรียกร้องกองทัพรุก "สายฟ้าแลบ" ยึดเมืองชายแดนกัมพูชาก่อนเจรจา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โฆษกกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เรียกร้องให้กองทัพใช้การรุกแบบ “สายฟ้าแลบ” ยึดเมืองชายแดนกัมพูชาก่อนเจรจา รวมทั้งขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 และขอให้ประชาชนไทยอย่าหลงกลฮุนเซ็น ด้วยการเกลียดชังและมองแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยเป็นศัตรู เพิ่มความขัดแย้งมากขึ้น

วานนี้ (26 ก.ค.) นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะเลขานุการและโฆษกคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่ยืดเยื้อมานานถึง 3 วัน โดยที่ยังไม่มีข้อยุติ และมีการเปิดแนวรบเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับประชาชนในพื้นที่สู้รบ
กรรมาธิการทหารฯ มีความเห็นว่า กองทัพภาค 1 ภาค 2 และกองกำลังกองทัพเรือในพื้นที่จังหวัดตราด ต้องเร่งดำเนินการรุกแบบสายฟ้าแลบ ด้วยการทำลายที่ตั้งทางทหารของกองทัพกัมพูชาโดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้ใช้เป็นที่ตั้งในการยิงขีปนาวุธ และเข้ามาในพื้นที่ของพลเรือน เพราะการรบแบบยืดเยื้อจะไม่เป็นผลดีต่อความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งการเจรจาเพื่อการหยุดยิงหรือยุติการสู้รบ เนื่องจากยุทธวิธีของกัมพูชา เป้าหมายในการทำลายไม่ได้อยู่ที่กองกำลังทหาร แต่อยู่ที่การยิงอาวุธหนักเข้ามายังประชาชน โดยการเอาประชาชนเป็นตัวประกัน เพื่อให้ประชาชนไทยบาดเจ็บล้มตายให้มากที่สุด เพื่อให้รัฐบาลสั่งให้ทหารหยุดยิงและถอนกำลังเพื่อการเจรจา ซึ่งหากมีการถอนกำลังโดยไม่มีการยึดพื้นที่ของกัมพูชาก่อน การเจรจาจะไม่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย

นายไชยยงค์ กล่าวว่า ฮุนเซ็นใช้นโยบายเอาประชาชนไทยและกัมพูชาเป็นตัวประกัน การใช้เฟคนิวส์ว่า ทหารกัมพูชายิงเครื่องบินของกองทัพไทยตกก็ดี การให้ข่าวการสูญเสียของทหารไทยก็ดี เป็นการปลุกใจชาวกัมพูชา โดยการทำข่าวหลอกลวงให้เห็นว่ารัฐบาลกัมพูชามีขีดความสามารถในการสู้รบ เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนรัฐบาล และข่าวลวงดังกล่าวก็ได้สร้างความสับสนและเข้าใจผิดต่อประชาชนชาวไทย

ในขณะที่รัฐบาลไทยในขณะนี้ยังอ่อนในเรื่องการให้ข่าวสารต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ข้อเท็จจริง และมีการปิดบังอำพรางข้อเท็จจริงของสถานการณ์ต่อประชาชน สื่อมวลชนและประชาชนต้องหาข่าวข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวอื่น ๆ การที่รัฐบาลไม่มี “วอร์รูม” เฉพาะกิจต่อสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้น ทำให้กลายเป็นประเด็นที่เสียเปรียบทั้งในอาเซียน และในเวทีสากลหรือเวทีโลก อาจจะทำให้เสียเปรียบกัมพูชาในองค์กรสหประชาชาติ หรือยูเอ็น

นายไชยยงค์กล่าวว่า จากการติดตามยุทธการของกองทัพไทย ยังเห็นว่าแนวรบของการปะทะทุกด้านที่ผ่านมา ยังเป็นเพียงการตรึงพื้นที่ที่เป็นดินแดนไทย และตั้งรับในดินแดนไทยเพื่อตอบโต้การยกพลเข้าตีของทหารกัมพูชาให้ล่าถอย แต่ยังไม่ได้เปิดยุทธการรุกคืบเข้ายึดเมืองชายแดนของกัมพูชาแต่อย่างใด ยุทธวิธีที่ใช้ยังเป็นการรักษาดินแดน และการตีโต้ “อริราชศัตรู” ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่ยอมแพ้ และยังสามารถปะทะตีโต้ทหารไทยได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีในการสู้รบ

กรรมาธิการทหารฯ มีความเห็นว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รัฐบาลต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการประกาศยกเลิกเอ็มโอยู 44 ที่เกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทางทะเลอ่าวไทยด้านจังหวัดตราด ซึ่งเกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ที่รัฐบาลไทยเสียเปรียบ และประชาชนเชื่อว่าเป็นเอ็มโอยูที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับตระกูลชินวัตร และตระกูลฮุนเซ็น รวมทั้งการยกเลิกเอ็มโอยู 43 ที่เกี่ยวกับการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่เป็นปัญหาและนำมาสู่ข้อพิพาทในขณะนี้ เพื่อที่จะยุติปัญหาเรื่องของแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชาใช้ และแผนที่ 1:50,000 ที่ไทยใช้ ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ โดยกลับมาใช้สันปันน้ำในการปักปันเขตแดน เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล
กองทัพภาคที่ 2 ต้องดำเนินการยึดพื้นที่ปราสาทตาเมือน ปราสาทตาควาย ให้เป็นของไทยอย่างเด็ดขาด โดยไม่ปล่อยให้ประชาชนกัมพูชาเดินเข้า-ออกอย่างเสรีเหมือนเป็นดินแดนของกัมพูชา เพราะหากปล่อยให้เป็นอย่างที่ผ่านมา จะทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคต

กรรมาธิการทหารขอให้รัฐบาลระมัดระวังต่อการดำเนินการทางการทูต ที่มีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการหยุดยิง และหาทางยุติการใช้กำลังทหารที่เกิดขึ้น เพราะทั้งอเมริกาและจีนต่างเป็นประเทศมหาอำนาจ ที่รัฐบาลต้องใช้นโยบายในการถ่วงดุล ในฐานะที่เป็นประเทศเล็ก ไม่ควรเอนเอียงไปยังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยเฉพาะอย่าได้เอาประเด็น “ภาษีทรัมป์ 36%” มาเป็นข้อต่อรอง ในขณะที่กัมพูชาคือประเทศบริวารของจีน ซึ่งรัฐบาลไทยต้องระมัดระวังไม่ให้โอนเอียงกับประเทศหนึ่งประเทศใด เพราะจะเป็นการทำร้ายประเทศไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง

และสุดท้าย กรรมาธิการทหารฯ ขอให้ประชาชนชาวไทยติดตามสถานการณ์ข่าวสารบ้านเมืองอย่างมีสติ อย่ามองว่าแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยเป็นศัตรูกับคนไทย เพราะเป็นคนละประเด็นกับการสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ภายในประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น