ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเสนอให้คณะกรรมการ กบร.อ่าน แปลภาพถ่ายทางอากาศ ตรวจสอบที่ดินที่คาดว่าออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้องกว่า 30 แปลงที่อยู่ในเขตป่าเทือกเขากมลา และป่าชายเลนคลองบางชีเหล้า-ท่าจีน หลังมีการออกเอกสารสิทธิทั้งโฉนด และน.ส.3 ก. ขณะที่กรมที่ดินได้ทำการเพิกถอนที่ดินของนายทุนที่ร่วมกับข้าราชการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบไปแล้ว 4 แปลง เจ้าของที่ดินยื่นอุทธรณ์และศาลปกครองสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ (14 มิ.ย.) นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดภูเก็ต (กบร.) ครั้งที่ 1/2548 ณ ห้องประชุมสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ปลัดจังหวัดภูเก็ต ที่ดินจังหวัดภูเก็ต ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต อัยการจังหวัดภูเก็ต ฯลฯ
นายอุดมศักดิ์ กล่าวว่า การบุกรุกที่ดินของรัฐถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต คณะอนุกรรมการชุดนี้จะต้องประชุมกันทุกเดือน ไม่ใช่ประชุมปีละครั้งเหมือนที่ผ่านมา เพราะการดูแลไม่ให้ประชาชนบุกรุกที่ดินของรัฐนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น การบุกรุกที่ดินเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ที่ดินของเอกชนที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องทุกอย่างก็มีชาวบ้านเข้าไปบุกรุก เช่น ที่ซอยโคกโตนด ต.ฉลอง เป็นต้น ในเรื่องนี้ตนได้สั่งการให้อำเภอทั้ง 3 อำเภอ แต่งตั้งชุดเฉพาะกิจออกไปปฏิบัติการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการพิจารณาการออกโฉนดที่ดินที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าออกถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ประกอบด้วย การออกโฉนดที่ดินของนายดุลว่าหาบ สาริยา ที่เกรงว่าจะมีการนำ สค.1 จากแปลงอื่นมาสวม เนื่องจาก สค.1 ที่นายดุลว่าหาบนำไปขอออกโฉนด ส.ค.1 เลขที่ 426 หมู่ที่ 3 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 10-2-7 ไร่ ซึ่งมีชื่อนายแก้ว สาริยา (บิดา) เป็นผู้แจ้งการครอบครองไว้เมื่อ พ.ศ.2498
เมื่อทำการรังวัดที่ดินปรากฏว่า มีเนื้อที่ 22-1-36.6 ไร่ มากกว่าหลักฐานเดิม 11-1-39.4 ไร่ ทั้งนี้ น่าจะเนื่องจากการแจ้งครอบครองที่ดินดังกล่าวแจ้งโดยประมาณการ แต่เมื่อทำการรังวัดทางวิชาการทำให้ที่ดินมีจำนวนสูงกว่าที่กำหนด
แต่เนื่องจากที่ดินที่นำมาขอออกโฉนด อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา ข้างเคียงการครอบครองแจ้งหลักฐานการครอบครองทางทิศตะวันตก และทิศใต้จดป่าไม้ ช่างรังวัดจึงได้คงเนื้อที่ไว้ 17-2-79.7 ไร่ แต่ทิศเหนือและทิศตะวันตกจดที่ดินของบุคคลที่มีชื่อ แต่จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ส.ค.1 แปลงที่ขอรังวัดออกโฉนดที่ดินแปลงข้างเคียง ปรากฏว่า ที่ดินข้างเคียงใน ส.ค.1 ไม่สัมพันธ์กันเป็นเหตุอันควรสงสัยว่า ที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินอาจไม่ตรงกับ ส.ค.1 ที่ผู้ขอนำมาแสดงเป็นหลักฐาน
โดยที่ดินแปลงนี้ คณะอนุกรรมการ กบร.ภูเก็ต ได้ขอให้ทาง กบร.อ่าน แปล ภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อหาตำแหน่งและร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินว่าตรงกับที่แจ้งไว้ใน ส.ค.1 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ตั้งขอสังเกตว่าที่ดินแปลงดังกล่าวหลังออก ส.ค.1 แล้ว เจ้าของที่ดินได้มีการถางป่าเพิ่มเติมหรือไม่จึงให้ที่ดินจริงในขณะนี้เพิ่มมากกว่า
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการ กบร.ยังได้พิจารณาการออกโฉนดที่ดินของนายเชษฐ์ ตันสกุล โฉนดเลขที่ 37841 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณบ้านแหลมตุ๊กแก เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2535 และเป็นการออกโฉนดที่ไม่ได้แจ้งการครอบครอง ตามมาตรา 59 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองบางชีเหล้า-คลองท่าจีน ซึ่งประกาศเมื่อ พ.ศ.2507 แต่อยู่ในเขตป่าเตรียมการจำแนก ตามมติ ครม. พ.ศ.2504 ซึ่งต่อมา ครม.ได้จำแนกเป็นเขตป่าไม้ถาวร เมื่อ พ.ศ.2536
สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้พิจารณาขั้นตอนการออกโฉนดที่ดินแล้ว ออกโดยไม่ได้แจ้งการครอบครองเมื่อปี 2535 ก่อน ครม.มีมติให้เป็นป่าไม้ถาวรท้องที่ที่ออกโฉนดที่ดิน จึงถือว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ถาวรในขณะนั้น แต่จากการตรวจสอบระวางรูปถ่ายทางอากาศ จังหวัดภูเก็ต หมายเลข 46241 แผ่นที่ 108 มาตราส่วน 1:5000 ซึ่งถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2519 ปรากฏว่า บริเวณที่ออกโฉนดที่ดินไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์ เป็นสวนมะพร้าว และสวนผลไม้อื่นๆ และที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นป่าชายเลนมาก่อน คณะอนุกรรมการฯจึงได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ทาง กบร.อ่าน แปล ภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อหาร่องรอยการทำประโยชน์ เพื่อพิสูจน์ว่าโฉนดที่ดินที่ออกไปนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการฯได้เสนอให้ทางกรมที่ดินจัดซื้อภาพถ่ายทางอากาศส่งให้ กบร.อ่าน แปล ภาพถ่ายต่อไป จำนวน 31 แปลง ที่เป็น น.ส.3 ก. ในพื้นที่อำเภอกะทู้ คือ น.ส.3 ก.เลขที่ 5965 ต.กะทู้ น.ส. 3 ก. เลขที่ 1702, 1703, 1723, 1724, 1763, 1764, 1781, 1782, 1798, 1799, 1800, 1814, 1815, 1816, 1817, 1818, 1819, 1820, 1821, 1830, 1900 ต.กมลา น.ส.3 ก.เลขที่ 5961, 5962, 5963, 5964, 5976, 5997, 6004, 6020 และ 6012 ต.ป่าตอง
กรณีดังกล่าว ทางจังหวัดภูเก็ตได้มีคำสั่งที่ 1519/2546 ลงวันที่ 4 พ.ย.2546 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และต่อมาทางจังหวัดภูเก็ตได้มีคำสั่งที่ 1148/2547 ลงวันที่ 5 ส.ค.2547 แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่ง จำนวน 12 แปลง คือ น.ส.3 ก. เลขที่ 1815, 1816, 1817, 1818, 1819, 1723, 1723, 1814, 1820, 1821, 1702 และ 1703 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
กรมที่ดินเพิกถอนแล้ว 4 แปลง
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สอบถามการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินในภูเก็ต ที่มีการตรวจสอบแล้วระบุชัดว่าการออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายสุพจน์ สุวรรณโชติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้รายงานในที่ประชุมว่า ตอนนี้กรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนที่ดินที่การตรวจสอบชัดเจนแล้วว่าออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้วทั้งหมด 4 แปลง คือ ที่ดินบริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์ ต.รัษฏา เมืองภูเก็ต จำนวน 3 แปลง โดยออกเอกสารสิทธิโดยไม่มีเอกสารหลักฐาน การครอบครองมาก่อน ซึ่งปัจจุบันที่ดินดังกล่าวมีสภาพเป็นสวนยางพาราบางส่วน และบางส่วนยังไม่ได้ทำประโยชน์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเจ้าของที่ดินยื่นอุทธรณ์ต่อศาล และฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนคำสั่ง เพราะเห็นว่าคำสั่งของกรมที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนอีกหนึ่งแปลงเป็นที่ดินที่บริเวณใกล้กับโรงแรมเลอ เมอริเดียน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต พื้นที่ 20 ไร่ ของนางยรรยง เก็บทรัพย์ เป็น ส.ค.1 บิน โดยการนำ ส.ค.1 จากแปลงใกล้เคียงกันมาสวมออก น.ส.3 ก. ขณะเจ้าของที่ดินได้ฟ้องศาลปกครองว่ากรมที่ดิน ออกคำสั่งเพิกถอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย