สตูล – “ศุลกากรภาค 4” สั่งทุกด่านชายแดนใต้ เร่งปราบปราบขบวนการลักลอบขนสินค้าข้ามแดน หลังเจ้าหน้าที่ด่านวังประจำที่สตูล ถูกผู้มีอิทธิพลในวงการค้าน้ำมันเถื่อนลอบทำร้าย ขู่ดึง ปปง.เข้ามาตรวจสอบยึดทรัพย์รายใหญ่อีกด้วย
จากการที่นายจักรกฤษ นวลเปียน เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ได้ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่ลักลอบขนน้ำมันเถื่อน ตามชายแดนทำร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
ในวันนี้ (21 เม.ย.) นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ศุลกากรทั่วภาคใต้ พร้อมกำชับให้เข้มงวดในการปราบปรามขบวนการน้ำมันเถื่อนตามแนวชายแดน นอกจากนี้ยังได้นำคณะออกเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ รวมถึงนายจักรกฤษและครอบครัวอีกด้วย
นายราฆพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ด่านศุลกากรในภาคใต้ทุกแห่ง กำลังอยู่ในช่วงเร่งปฏิบัติตามแผนปราบปรามการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน รวมถึงสินค้าอื่นๆ อีกด้วย จึงทำให้เกิดแรงกดดันให้กับผู้ที่อยู่ในขบวนการค้าของเถื่อนข้ามพรมแดนอย่างหนัก เพราะไม่สามารถลักลอบขนสินค้าได้สะดวกเหมือนเดิม
“เมื่อเรากดดันมากก็ทำให้ขบวนการค้าของเถื่อนข้ามแดน เกิดการต่อต้าน และต่อกรกับทางเจ้าหน้าที่ราชการการขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นที่ด่านชายแดนปาดังเบซาร์ใน อ.สะเดา จ.สงขลามาแล้วด้วย” นายราฆพ กล่าวและว่า
เมื่อเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ด่านวังประจัน อ.ควนโดนถูกทำร้าย ก็ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหามากสำหรับสำหรับงานศุลกากรภาคที่ 4 เพราะเป็นด่านเดียวที่ตั้งอยู่ในมุมอับ เนื่องจากเส้นทางจากด่านไปถึงถนนใหญ่ จะต้องใช้ระยะทางถึง 14 กิโลเมตร นอกจากนี้ในชุมชนหมู่บ้านก็เป็นพี่น้องมุสลิม
สำหรับการลักลอบขนสินค้าหลบหนีภาษี ในพื้นที่ชายแดนด้านนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะกองทัพมดที่ค่อย ๆทยอยขนสินค้าข้ามพรหมแดนครั้งละไม่มากนั้น ซึ่งหากทางการใช้ความรุนแรงปราบปรามก็อาจจะมีปัญหามวลชนในท้องที่ เพราะเคยมีหน่วยราชการบางแห่งใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและได้ถูกเผามาแล้วนั้น
นายราฆพ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ได้มีการวิเคราะห์และวางแผนกับผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ในการดำเนินการปราบปรามอยู่ หลังจากที่ทางการค่อยๆบีบค่อยๆ ใช้มาตราที่รุนแรง จนเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ทำให้เราต้องเสริมกำลังเข้าไปเพิ่มขึ้นอีก โดนเน้นเจ้าหน้าที่ที่เคยมีประสบการณ์และเข้าถึงพื้นที่ให้มากขึ้น โดยขอกำลังจากหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจหรือทางจังหวัด
นอกจากนี้ สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ก็จะพยายามที่จะหลีกเลี่ยงประเภทสินค้าเล็กน้อย เนื่องจากว่าไม่ต้องการนำเจ้าหน้าที่ไปลุยกับฝูงชน แต่เราได้วางแผนที่จะจับกุมพ่อค้า ที่เป็นต้นตอของปัญหา หรือเป็นนายจ้างของเหล่ากองทัพมดเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นผู้มีอิทธิพล เมื่อคนเหล่านี้ถูกจับตามองก็จะส่งผลให้ระดับร่างไม่มีกำลังที่จะขนสินค้าหลบหนีภาษี
“สำหรับผู้มีอิทธิพลที่เมื่อมีการซัดทอดถึงนั้น ต่อไปคงต้องอาศัยเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ปปง.ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบติดตามในการยึดทรัพย์ได้พวกเขาด้วย” นายราฆพ กล่าวในที่สุด
จากการที่นายจักรกฤษ นวลเปียน เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ได้ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่ลักลอบขนน้ำมันเถื่อน ตามชายแดนทำร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
ในวันนี้ (21 เม.ย.) นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ศุลกากรทั่วภาคใต้ พร้อมกำชับให้เข้มงวดในการปราบปรามขบวนการน้ำมันเถื่อนตามแนวชายแดน นอกจากนี้ยังได้นำคณะออกเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ รวมถึงนายจักรกฤษและครอบครัวอีกด้วย
นายราฆพ เปิดเผยว่า ขณะนี้ด่านศุลกากรในภาคใต้ทุกแห่ง กำลังอยู่ในช่วงเร่งปฏิบัติตามแผนปราบปรามการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน รวมถึงสินค้าอื่นๆ อีกด้วย จึงทำให้เกิดแรงกดดันให้กับผู้ที่อยู่ในขบวนการค้าของเถื่อนข้ามพรมแดนอย่างหนัก เพราะไม่สามารถลักลอบขนสินค้าได้สะดวกเหมือนเดิม
“เมื่อเรากดดันมากก็ทำให้ขบวนการค้าของเถื่อนข้ามแดน เกิดการต่อต้าน และต่อกรกับทางเจ้าหน้าที่ราชการการขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นที่ด่านชายแดนปาดังเบซาร์ใน อ.สะเดา จ.สงขลามาแล้วด้วย” นายราฆพ กล่าวและว่า
เมื่อเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ด่านวังประจัน อ.ควนโดนถูกทำร้าย ก็ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหามากสำหรับสำหรับงานศุลกากรภาคที่ 4 เพราะเป็นด่านเดียวที่ตั้งอยู่ในมุมอับ เนื่องจากเส้นทางจากด่านไปถึงถนนใหญ่ จะต้องใช้ระยะทางถึง 14 กิโลเมตร นอกจากนี้ในชุมชนหมู่บ้านก็เป็นพี่น้องมุสลิม
สำหรับการลักลอบขนสินค้าหลบหนีภาษี ในพื้นที่ชายแดนด้านนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะกองทัพมดที่ค่อย ๆทยอยขนสินค้าข้ามพรหมแดนครั้งละไม่มากนั้น ซึ่งหากทางการใช้ความรุนแรงปราบปรามก็อาจจะมีปัญหามวลชนในท้องที่ เพราะเคยมีหน่วยราชการบางแห่งใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและได้ถูกเผามาแล้วนั้น
นายราฆพ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ได้มีการวิเคราะห์และวางแผนกับผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ในการดำเนินการปราบปรามอยู่ หลังจากที่ทางการค่อยๆบีบค่อยๆ ใช้มาตราที่รุนแรง จนเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ทำให้เราต้องเสริมกำลังเข้าไปเพิ่มขึ้นอีก โดนเน้นเจ้าหน้าที่ที่เคยมีประสบการณ์และเข้าถึงพื้นที่ให้มากขึ้น โดยขอกำลังจากหลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจหรือทางจังหวัด
นอกจากนี้ สำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ก็จะพยายามที่จะหลีกเลี่ยงประเภทสินค้าเล็กน้อย เนื่องจากว่าไม่ต้องการนำเจ้าหน้าที่ไปลุยกับฝูงชน แต่เราได้วางแผนที่จะจับกุมพ่อค้า ที่เป็นต้นตอของปัญหา หรือเป็นนายจ้างของเหล่ากองทัพมดเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นผู้มีอิทธิพล เมื่อคนเหล่านี้ถูกจับตามองก็จะส่งผลให้ระดับร่างไม่มีกำลังที่จะขนสินค้าหลบหนีภาษี
“สำหรับผู้มีอิทธิพลที่เมื่อมีการซัดทอดถึงนั้น ต่อไปคงต้องอาศัยเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ปปง.ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบติดตามในการยึดทรัพย์ได้พวกเขาด้วย” นายราฆพ กล่าวในที่สุด