ศูนย์ข่าวภูเก็ต - บริษัท ภูเก็ตเป๋าฮื้อฟาร์ม ผู้เพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อรายแรกของประเทศ เพิ่มกำลังการผลิตลูกหอยเป๋าฮื้อเป็น 200 ล้านตัวใน 3-4 ปีนี้ ป้อนตลาดไต้หวัน จีน ที่ต้องการสูงปีละ 400 ล้านตัว และป้อนผู้ร่วมทุนในประเทศ 2 รายที่สงขลาและเกาะยาว ที่คาดว่าจะเพิ่มรายได้อีกปีละ 200 ล้านบาท
นายสัตวแพทย์สิทธิศักดิ์ เหมืองสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ตเป๋าฮื้อ ฟาร์ม จำกัด เปิดเผยถึงการขยายการเพาะเลี้ยงลูกหอยเป๋าฮื้อเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ว่า ตามที่บริษัทได้ทำการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ เพื่อการพาณิชย์จนประสบความสำเร็จเมื่อปี 2545 จนถึงปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจ 3 ส่วน คือ ฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ ภัตตาคารหอยเป๋าฮื้อ และโรงงานผลิตสินค้าแปรรูปจากหอยเป๋าฮื้อ บนพื้นที่ 15 ไร่ ในเกาะสิเหร่ ห่างจากอำเภอเมืองภูเก็ตเพียง 40 กิโลเมตร ด้วยเงินลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท
ขณะนี้บริษัทกำลังเร่งผลิตลูกหอยเป๋าฮื้อ เพื่อส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศที่มีความต้องการลูกหอยเป๋าฮื้อเพื่อเพาะเลี้ยงสูงมาก โดยเฉพาะตลาดไต้หวันและจีน ที่มีความต้องการสูงถึงปีละ 400 ล้านตัว ซึ่งในส่วนของบริษัท ขณะนี้สามารถผลิตได้ปีละ 15 ล้านตัวและจะเพิ่มกำลังการผลิตอีกเท่าตัวในปีหน้าเป็น 30 ล้านตัว โดยทั้งหมดจะส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศที่ไต้หวันและจีน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก โดยจะผลิตให้ได้ปีละ 200 ล้านตัวในปีอีก 3-4 ข้างหน้า เพื่อส่งไปต่างประเทศและป้อนให้กับผู้ร่วมทุนของบริษัท ที่จะนำลูกหอยเป๋าฮื้อไปเพาะเลี้ยง คือ บริษัท สงขลาเป๋าฮื้อ จำกัดซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดสงขลาและปัตตานี โดยฟาร์มนี้ตั้งใจที่จะทำให้เป็นฟาร์มที่ครบวงจร ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงและภัตตาคาร เพราะเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปปัตตานี
ส่วนอีกฟาร์ม คือ ฟาร์มที่เกาะยาว จ.พังงา โดยการร่วมทุนกับนักลงทุนชาวมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตจากองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ซึ่งเบื้องต้น จะเริ่มจาก 10-20 บ่อก่อน หลังจากนั้นจะขยายเพิ่ม โดยตั้งเป้าที่จะพัฒนาที่ดินของเกาะยาว ให้เป็นเกาะหอยเป๋าฮื้อและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบอีโคทัวร์ ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า
"หากฟาร์มทั้ง 2 แห่งเสร็จสมบูรณ์ จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิต และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้ไม่น้อยกว่าปีละ 200 ล้านบาท และหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ คาดว่าใน 5 ปี จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศถึง 5,000 ล้านบาท"
นอกจากนี้บริษัทยังมีเป้าหมายจัดตั้งศูนย์วิจัยเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมูลค่าสูง อาทิ ปลิงทะเล ปลาสวยงาม เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาและเกษตรกร ที่มีความสนใจได้มีแหล่งความรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำเศรษฐกิจสูง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาบุคลากรของประเทศ ให้มีความก้าวหน้าและทัดเทียมต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจส่งออกสัตว์น้ำมูลค่าสูงของประเทศด้วย
นายสัตวแพทย์สิทธิศักดิ์ ยังกล่าวถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหอยเป๋าฮื้อ ว่า ขณะนี้บริษัทได้แปรรุปผลิตภัณฑ์หอยเป๋าฮื้อเป็นซอสหอยเป๋าฮื้อภายใต้แบรนด์ "อาบาเน่" และ"ลีคิทเช่น" ซึ่งขณะนี้จำหน่ายภายในประเทศและเร็วๆนี้จะส่งออกไปต่างประเทศในแถบยุโรปและอเมริกา