ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ภาครัฐ-เอกชนระนอง ประชุมวางกรอบการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำ “อุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี”เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
วันที่ 26 พฤษภาคม 2547 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) จัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็น “โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ “หรือแรมซาร์ ไซต์(Ramsar Site) อุทยานแห่งชาติแหลมสน- ปากคลองกะเปอร์- ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซสระนอง
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวางกรอบการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนในพื้นที่ มีความรู้ ความเข้าใจ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นายบัณฑิต รัตนสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนอง อาจจะเป็นจังหวัดเดียวของประเทศที่มีป่าไม้อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งยังมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและยังบริสุทธิ์ นอกจากนี้จังหวัดระนองยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ จนได้รับการประกาศเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล ทางด้านป่าชายเลนแห่งแรกของโลก ดังนั้น ตามวิสัยทัศน์จังหวัดระนอง จึงได้กำหนดให้เป็นเมืองสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่
ขณะที่นายเกษมสันต์ จิณณวาโส รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำมาเป็นเวลานานเวลานาน เนื่องจากเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อทั้งมนุษย์ พืช และสัตว์ ทั้งทางนิเวศวิทยา เศรษฐกิจ สังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และนานาชาติ คุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับจากพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ เป็นแหล่งน้ำที่มนุษย์สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิด เป็นแหล่งนันทนาการและการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นแหล่งสำหรับการศึกษาวิจัยทางธรรมชาติวิทยา
ด้านนายสันติ บุญประคับ ผู้อำนวยการกองประสานการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นอนุภาคีสัญญา ว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นลำดับที่ 110 ของโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ 10 แห่ง โดยพื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์- ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นพื้นที่ชุมน้ำแห่งที่ 8 ของประเทศ และเป็นลำดับที่ 1183 ในทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำของโลก
นายสันติ กล่าวด้วยว่า พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์- ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ประกอบด้วยระบบนิเวศน์พื้นที่ชุ่มน้ำหลายแบบผสมผสานกัน ได้แก่ หาดเลน หาดทราย แหล่งปะการัง แหล่งหญ้าทะเลและป่าชายเลน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก และมีศักยภาพในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
วันที่ 26 พฤษภาคม 2547 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) จัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็น “โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ “หรือแรมซาร์ ไซต์(Ramsar Site) อุทยานแห่งชาติแหลมสน- ปากคลองกะเปอร์- ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซสระนอง
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวางกรอบการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนในพื้นที่ มีความรู้ ความเข้าใจ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นายบัณฑิต รัตนสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จังหวัดระนอง อาจจะเป็นจังหวัดเดียวของประเทศที่มีป่าไม้อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งยังมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและยังบริสุทธิ์ นอกจากนี้จังหวัดระนองยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ จนได้รับการประกาศเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล ทางด้านป่าชายเลนแห่งแรกของโลก ดังนั้น ตามวิสัยทัศน์จังหวัดระนอง จึงได้กำหนดให้เป็นเมืองสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่
ขณะที่นายเกษมสันต์ จิณณวาโส รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำมาเป็นเวลานานเวลานาน เนื่องจากเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อทั้งมนุษย์ พืช และสัตว์ ทั้งทางนิเวศวิทยา เศรษฐกิจ สังคม ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และนานาชาติ คุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับจากพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ เป็นแหล่งน้ำที่มนุษย์สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิด เป็นแหล่งนันทนาการและการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นแหล่งสำหรับการศึกษาวิจัยทางธรรมชาติวิทยา
ด้านนายสันติ บุญประคับ ผู้อำนวยการกองประสานการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นอนุภาคีสัญญา ว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นลำดับที่ 110 ของโลก ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ 10 แห่ง โดยพื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์- ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นพื้นที่ชุมน้ำแห่งที่ 8 ของประเทศ และเป็นลำดับที่ 1183 ในทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำของโลก
นายสันติ กล่าวด้วยว่า พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์- ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ประกอบด้วยระบบนิเวศน์พื้นที่ชุ่มน้ำหลายแบบผสมผสานกัน ได้แก่ หาดเลน หาดทราย แหล่งปะการัง แหล่งหญ้าทะเลและป่าชายเลน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก และมีศักยภาพในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์