“นครปฐม” เมืองสำคัญในสมัยทวารวดี เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และศาสนาที่สำคัญ อีกทั้งยังมีโบราณสถานขนาดใหญ่ เช่น องค์พระปฐมเจดีย์ พระประโทณเจดีย์ เขาวัดพระงาม โบราณสถานวัดธรรมศาลา เป็นต้น แต่ปัจจุบันผู้คนในชุมชนนครปฐมให้ความสำคัญ โบราณสถาน และวัฒนธรรมที่มีอยู่น้อยลง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จึงทำโครงการทวารวดีนครปฐม : สร้างคุณค่า สร้างมูลค่า สร้างจิตสํานึกรักท้องถิ่น ซึ่งเป็นการวิจัยแบบผสมผสานทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เพื่อสร้างกลไกและเครือข่ายความร่วมมือในการอนุรักษ์อารยธรรมทวารวดี ตลอดจนผู้ประกอบการวัฒนธรรมให้เกิดการเรียนรู้ และสามารถยกระดับความคิดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในการสร้างรายได้ เกิดการความรู้ความเข้าใจและมองเห็นคุณค่าอันแท้จริงของทุนวัฒนธรรม และภูมิปัญญาในท้องถิ่นของตัวเอง โดยดำเนินงานผ่าน 6 กิจกรรม คือ
1. การหาเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ สถานศึกษา วัด และชุมชน
2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม
3. การทำสื่อส่งเสริมการเรียนรู้ทางวัฒนธรรม
4. เส้นทางท่องเที่ยว
5. แผนที่ทุนวัฒนธรรมทวารวดีและทุนวัฒนธรรม
6. การแสดงทางดนตรีและนาฏศิลป์ และกิจกรรมสุดท้ายคือ
7. การประเมินผลทางเศรษฐกิจ คุณค่าทางสังคม
เนื่องจากเป็นการสร้างกลไกและเครือข่ายความร่วมมือ ฉะนั้นจุดเริ่มต้นที่ทีมวิจัยให้ความสำคัญคือ การมองหาภาคีเครือข่ายจากหลายภาคส่วน เช่น สถาบันการศึกษา ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้ประกอบการ และชุมชน เพื่อบูรณาการและหนุนเสริมการทำงานแบบมีส่วนร่วมใน 4 พื้นที่ ได้แก่ 1. ชุมชนดอนยายหอม 2. ชุมชนธรรมศาลา 3. ชุมชนพระประโทนเจดีย์และไร่เกาะต้นสำโรง 4. ชุมชนพระปฐมเจดีย์และวัดพระงาม เนื่องจากทั้ง 4 พื้นที่นี้มีโบราณสถานที่สำคัญของสมัยทวารวดีอยู่ในวัด อีกทั้งชุมชน ท้องถิ่น และวัดต่างมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้คนในชุมชนถึงที่มาที่ไปของการทำงานวิจัย ด้วยกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้คนในชุมชนซึ่งเป็นเจ้าของทุนวัฒนธรรมมองเห็นความสำคัญและร่วมขับเคลื่อนงานไปพร้อมกัน โดยทีมวิจัยได้จัดเวทีพูดคุย ชวนปราชญ์ชาวบ้านใน 4 พื้นที่ มาบอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรม ความเชื่อ และความรู้จากชุดประสบการณ์เดิม เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเห็นภาพรวมของทุนวัฒนธรรมในพื้นที่ร่วมกันทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิต เศรษฐกิจชุมชน รวมถึงโบราณสถาน โบราณวัตถุในสมัยทวารวดี เช่น ธรรมจักร ศิลาจารึกอักษรปัลลวะ เนินเขาพระงาม และโบสถ์มหาอุตม์วัดพระงาม ทวารบาล ลูกปัด เป็นต้น
จากกระบวนดังกล่าว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิรัตน์ พบว่า ชุมชนวัดพระงาม เป็น 1 ใน 4 พื้นที่ที่มีทุนวัฒนธรรมสำคัญโดดเด่น คือ “ประเพณีตักบาตรข้าวหลาม” ถึงแม้ว่าข้าวหลามจะปรากฏในคำขวัญจังหวัดนครปฐมก็ตาม แต่กลับซบเซาลง กอรปกับในพื้นที่มีวัดพระงามเป็นพระอารามหลวงที่มีหลักฐานทางโบราณคดีร่วมสมัยทวารวดีกับองค์พระปฐมเจดีย์แต่กลับไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ดังนั้น การฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลามให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จะสามารถเชื่อมร้อยให้ผู้คนทั้งในและนอกชุมชนรู้จัก มองเห็นคุณค่า และร่วมอนุรักษ์อารยธรรมทวารดีให้คงอยู่ผ่านทุนวัฒนธรรมในพื้นที่ ทั้งนี้ การฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลามเกิดขึ้นจากประชามติของคนในชุมชน โดยมีชุมชนพระงาม วัดพระงาม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียน และผู้ประกอบการร่วมมือกันฟื้นฟูประเพณีดังกล่าว
เดิมทีคนในชุมชนวัดพระงามส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายลาว ข้าวเหนียวก็เป็นของคู่กับคนลาวมาช้านาน เมื่อหมดฤดูทำนา คนในชุมชนมีเวลาว่างจึงเผาข้าวหลามเพื่อนำไปถวายวัด จึงเกิดเป็นประเพณีตักบาตรข้าวหลามในท้องถิ่น และค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา แต่เมื่อทีมวิจัยและชุมชนร่วมมือกันฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลามอีกครั้ง จึงทำความเข้าใจร่วมกันกับผู้นำชุมชนถึงรูปแบบการทำข้าวหลามใส่บาตรว่าควรเป็นข้าวหลามกระบอกสั้น มีการตกแต่งด้วยดอกไม้ เพราะต้องการสื่อสารให้คนที่ทำบุญเห็นว่า “การซื้อข้าวหลามใส่กระบอกนั้นง่าย แต่ทำอย่างไรจึงจะทำข้าวหลามให้พอดีกับบาตร ใส่ดอกไม้ เกิดความงาม ความศรัทธา และเกิดเป็นพุทธบูชาขึ้น” ด้วยแนวคิดดังกล่าวได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นจุดเด่นของการฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลามของจังหวัดนครปฐม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิรัตน์ กล่าวว่า การทำข้าวหลามขายในงานประเพณีเกิดขึ้นครั้งแรกในวันมาฆบูชาปี 2567 โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมเพียง 1 ราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทีมวิจัยการันตีจำนวนการขายข้าวหลามไว้อย่างน้อย 250 กระบอก ปรากฏว่า ข้าวหลามไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนใส่บาตร แสดงให้เห็นว่า คนในชุมชน และคนภายนอกให้ความสนใจประเพณีตักบาตรข้าวหลาม หลังจากนั้น ทีมวิจัยได้เข้ามามีบทบาทในฐานะของพี่เลี้ยงและผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยแต่ละครั้งพบว่า ข้าวหลามขายได้จำนวนเพิ่มขึ้นจาก 400 กระบอก ไปจนถึง 600 - 700 กระบอก
นอกจากผลผลิตที่ขายได้เพิ่มขึ้น “สิ่งที่ได้เรียนรู้ คือ การตักบาตรข้าวหลามเป็นคุณค่าที่มาพร้อมกับมูลค่า แต่จะเกิดเป็นพุทธบูชาได้ต้องมีองค์ประกอบที่ครบ คือ ข้าวหลามที่มีดอกไม้ ซึ่งเป็นเสน่ห์ และคุณค่าที่เกิดขึ้น เพราะเราอยากให้ทุกคนทำด้วยใจอันเป็นที่รัก”
ทีมวิจัยได้วางแผนร่วมกับชุมชนถึงการจัดการข้าวหลามที่เหลือจะส่งต่อไปยังคนด้อยโอกาส บ้านพักเด็กและครอบครัว บ้านพักคนชรา โรงพยาบาล วัด ซึ่งเป็นการส่งต่อบุญให้กับคนอื่นๆ รวมถึงกรณีที่ข้าวหลามไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทีมวิจัยแก้ปัญหาด้วยการหาร้านผลิตเพิ่มเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ ปัจจุบันประเพณีตักบาตรข้าวหลามจัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 7 ครั้ง ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา
กระบวนการผลิตข้าวหลามขายงานประเพณีเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมวิจัย ผู้นำชุมชน และผู้ประกอบการ โดยผู้นำชุมชนมีบทบาทในการคัดสรรผู้ผลิตข้าวหลามที่มีคุณภาพดี รสชาติดี และสนใจจะกระตุ้นเศรษฐกิจข้าวหลามอีกครั้ง ปัจจุบันมี 5 ร้านค้าที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายในงานประเพณีตักบาตรข้าวหลาม ขณะเดียวกันก็จะทำหน้าที่ค้นหาร้านอื่น ๆ ที่มีคุณภาพตรงตามเกณฑ์เข้ามาผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดย 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วม คือ นายเสวก ประดับแก้ว ผู้ประกอบการอาชีพข้าวหลามจังหวัดนครปฐม ชุมชนพระงาม 2 และเป็นผู้ประกอบการเจ้าแรก ที่ตัดสินใจเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลาม กล่าวว่า อยากให้ข้าวหลามจังหวัดนครปฐมเป็นที่รู้จักมากขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งร้านเคยทำข้าวหลามได้สูงสุดประมาณ 600 กระบอกต่อรอบ โดยเริ่มเผาตั้งแต่เวลา 13.00 น. จนถึง 01.00 น. ของวันต่อไปเพื่อให้ทันวางขายหน้าร้านในช่วงเวลา 05.00 น. ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็ขายหมด โดยราคาจะอยู่ที่กระบอกละ 20 - 30 บาท และ 35 บาท หากไม่มีงานประเพณีจะขายอยู่ที่บริเวณตรงข้ามซุ้มวัดพระงาม และชุมชนซอยพระงาม 2
“จุดเด่นของข้าวหลามนครปฐม คือ บรรจุในกระบอกไม้ไผ่ ที่นำมาจากอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นไม้ไผ่เปลือกบาง และเยื่อไผ่หนา ช่วยชูรสให้ข้าวหลามมีรสชาติกลมกล่อม ไม่หวานหรือเค็มเกินไป ผสมกลิ่นหอมมันกะทิจากมะพร้าวของอำเภอทับสะแก จังหวัดชุมพร ส่วนข้าวเหนียวสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ จะใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูน้ำเงินจากจังหวัดเชียงราย ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่คัดสรรจากแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุดของประเทศไทย”
นายเสวก กล่าวถึงการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูประเพณีตักบาทข้าวหลามเพราะต้องการให้ข้าวหลามคงอยู่ในชุมชนต่อไป เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ความนิยมลดลง ทั้งการบริโภคและการทำข้าวหลามที่มีขั้นตอนยาวนาน และใช้กำลังคนมากโดยเฉลี่ย คือ 5 คน ทั้ง ตัดไม้ไผ่ ทำกะทิ กรอกข้าวหลาม เผา และขาย หากไม่นำความรู้ และประสบการณ์ที่ตัวเองมีมาใช้เพื่อรักษาประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนไว้ อีกไม่นานก็คงสูญหายไป ฉะนั้น การฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลามจึงเป็นการสืบสานประเพณี วัฒนธรรม ตลอดจนภูมิปัญญาชาวบ้านให้คงอยู่ต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิรัตน์ กล่าวถึงความสำเร็จเกิดขึ้น จากประเพณีตักบาตรข้าวหลามในหลากหลายมิติ ดังนี้ มิติชุมชน ทำให้ชุมชนมองเห็นทุนวัฒนธรรมในพื้นที่ ตลอดจนเห็นความสำคัญ และเห็นคุณค่าสิ่งที่มีอยู่ด้วยตัวเอง จนนำไปสู่การขับเคลื่อนเพื่อรักษาทุนวัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมกัน ขณะเดียวกัน ยังทำให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าโบราณสถาน โบราณวัตถุสมัยทวารวดี เกิดเป็นคุณค่าทางจิตใจ เกิดความหวนแหน และต้องการอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีให้คงอยู่ในชุมชน มิติศาสนา ทำให้พระธรรมคำสอนกลับมามีบทบาทสำคัญต่อพุทธศาสนิกชน และทำให้ความศรัทธาในศาสนากลับคืนมาอีกครั้ง มิติเศรษฐกิจ เกิดการกระจายรายได้ทั้งในและนอกชุมชน โดยรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ก่อให้เกิดพื้นที่แลกเปลี่ยนของผู้ประกอบการทั้งแนวคิด วิธีการในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ในฐานะนักจัดการทุนวัฒนธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิรัตน์ ได้แบ่งปันข้อค้นพบที่เกิดขึ้นจากการทำงานว่า การทำงานด้านวัฒนธรรมจะประสบผลสำเร็จได้ต้องทำงานกับผู้คนด้วยความเข้าใจ เข้าถึง และจึงร่วมพัฒนาด้วยความจริงใจ เพราะวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับผู้คนหลากหลายกลุ่ม หลากหลายช่วงวัย การสื่อสารจึงต้องชัดเจนเพื่อให้คนรับรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้ และสุดท้าย คือ ข้อท้าทายในการทำงานเพื่ออนุรักษ์และพัฒนา ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับวัฒนธรรม และชุมชนอย่างถี่ถ้วนและรอบด้าน
กล่าวได้ว่า การฟื้นฟูประเพณีตักบาตรข้าวหลาม สามารถรื้อฟื้นทุนวัฒนธรรมที่มีอยู่ในชุมชน จนสามารถสร้างคุณค่าทางจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกของผู้คน และยังสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน จนนำไปสู่การอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลับคืนมาและคงอยู่ตลอดไปได้