ก.วิทย์ชงยุทธศาสตร์วัสดุ 10 ปี ครอบคลุม 7 อุตสาหกรรม เกษตร สาธารณสุข-การแพทย์ ยานยนตร์ อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น และพลังงาน เน้นวิจัยและพัฒนาส่งเสริมอุตสาหกรรม ยก “รากฟันเทียม” มีศูนย์ทันตกรรมขั้นสูงพัฒนา และไทยสามารถแข่งขันกับ ตปท.ได้
ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ว่าทาง ก.วิทย์ได้เสนอแผนยุทศาสตร์เทคโนโลยีวัสดุแห่งชาติ พ.ศ.2550-2559 ซึ่งครอบคลุม 7 อุตสาหกรรมคือการเกษตร สาธารณสุข-การแพทย์ ยานยนตร์อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น และพลังงาน ซึ่งเรื่องสำคัญคือภาคอุตสาหกรรมต้องสร้างความสามารถเอง สร้างเครื่องจักรผลิตวัสดุเอง โดยเบื้องต้นหลายกระทรวงก็ให้การสนับสนุน ขณะที่บางกระทรวงก็ให้ความเห็นว่าควรจัดลำดับความสำคัญของแต่ละอุตสาหกรรมให้ชัดเจน
“ด้านสุขภาพก็ต้องมีวัสดุที่เกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่ง “รากฟันเทียม” เป็นตัวอย่างที่เมืองไทยทำได้ดี และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยมีจุดเด่นที่มีศูนย์เทคโนโลยีทางทันตกรรมขั้นสูง (ADTEC) ภายใต้ศูนย์เอ็มเทค (ศูนย์เทคโนโลยีวัสดุและโลหะแห่งชาติ) เป็นศูนย์พัฒนารากฟันเทียม เป็นอะไรที่เราน่าจะทำได้ดี ต่อไปในอนาคตก็จะเห็นชัดว่ามีความต้องการทางด้านนี้ เช่น รัฐมนตรี “ขิงแก่” และผู้สูงอายุอย่างพวกผม เป็นต้น” ศ.ดร.ยงยุทธ
นอกจากนี้ในส่วนอุตสาหกรรมอื่นอย่างอัญมณี ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ถือเป็นเรื่องสำคัญและไทยได้เปรียบในเรื่องนี้ อีกทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็แสดงความสนใจที่จะให้ความร่วมมือตามแผนแต่ติดปัญหาที่ต้องใช้งบประมาณสูง จึงอยากให้ทาง ก.วิทย์สนับสนุน ส่วนอุตสากรรมแฟชั่นที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลทักษิณก็ยังคงต้องทำต่อ โดยถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพัฒนาวัสดุใหม่ๆ สำหรับเสื้อผ้า โดยเฉพาะการใช้นาโนเทคโนโลยีมาปรับปรุงในเรื่องเส้นใย
พร้อมกันนี้ ศ.ดร.ยงยุทธกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการสนับสนุน 7 อุตสาหกรรมนี้โดยตรง และการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ไม่มีเรื่องการวิจัยและพัฒนา ซึ่งต่อไปจะต้องมีการวิจัยและพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมด้วยจึงให้การสนับสนุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ทางศูนย์เอ็มเทคจะได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยอยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กนวช.)