คณาจารย์และนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร กำลังจะแปลงโฉม “รถตุ๊กตุ๊ก” สัญลักษณ์สำคัญชิ้นหนึ่งของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ความเป็น “อินเตอร์” มากขึ้น ด้วยการดัดแปลงรถตุ๊กตุ๊กเครื่องยนต์เบนซิน 2 จังหวะแบบเก่าที่ก่อมลพิษทางอากาศให้เป็น “รถตุ๊กตุ๊กไฮบริด” แบบไม่ง้อน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อาจาย์รัชต มั่งมีชัย อาจารย์ประจำภาควิชาไฟฟ้ากำลัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (มทม.) ผู้ประสานงานโครงการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าระบบพลังงานร่วม (Tuk Tuk – Hybrid Electric Tricycle) เผยว่า สาเหตุที่เลือกรถตุ๊กตุ๊กมาเป็นต้นแบบของงานวิจัยเนื่องจากเป็นรถที่สามารถผลิตครบวงจรในประเทศ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
“รถตุ๊กตุ๊กไฮบริดสามารถทำงานได้ 2 รูปแบบคือ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อย่างเดียว หรือใช้ทั้งแบตเตอรี่และน้ำมันได้ มีความเร็วสูงสุดประมาณ 60 กม./ชม. โดยการใช้ระบบพลังงานร่วมจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว”
ด้านต้นทุนการผลิตรถตุ๊กตุ๊กไฮบริดต้นแบบ อาจาย์รัชต กล่าวว่า อยู่ที่ 500,000 บาท ซึ่งหากต่อไปมีการผลิตเพื่อขายก็จะมีราคาประมาณ 300,000 บาท เช่นเดียวกับรถไฮบริดทั่วไป ขณะที่รถตุ๊กตุ๊กทั่วไปมีราคาประมาณคันละ 75,000 บาท แต่เป็นเครื่องยนต์มือสองแบบสองจังหวะที่ไม่นิยมใช้กันแล้ว เพราะสร้างมลพิษมาก ส่วนข้อดีของรถตุ๊กตุ๊กไฮบริดคือ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศน้อย สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ตลอดเวลาจึงประหยัดพลังงาน ลดการนำเข้าน้ำมัน และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรมรถตุ๊กตุ๊กของคนไทย
ทั้งนี้ อาจาย์รัชต เผยว่า ในระยะต่อไปจะมีการพัฒนารถตุ๊กตุ๊กไฮบริดให้มีน้ำหนักเบาขึ้น จากปัจจุบันที่มีน้ำหนักถึง 925 กก. เมื่อเทียบกับรถตุ๊กตุ๊กทั่วไปที่มีน้ำหนักเพียง 550 กก.
ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจนี้ จึงต้องคอยดูและให้กำลังใจกันต่อไป เพื่อให้รถตุ๊กตุ๊กไฮบริดสำเร็จสมบูรณ์ได้ในที่สุด ซึ่งก็อาจไม่นานเกินรอ เพื่อการก้าวไปสู่ระดับสากลของรถตุ๊กตุ๊กไทย อวดสายตาต่างชาติ
ยังมีนวัตกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายในงาน "มหกรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ 2 " ซึ่งกำลังจัดอยู่ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 2 ตุลาคม มีอีกหลายไอเดียเด็ดๆ ที่นักศึกษาและสถาบันอุดมศึกษานำมาแสดงให้ชมกัน
