แก้ปัญหาเผาอ้อยครบวงจรพร้อมพัฒนาระบบเฝ้าระวังและติดตามการเผาอ้อยแบบเรียลไทม์ (Real-time) พื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศโดยใช้ดาวเทียม - AI กระทรวง อว. ผนึกกำลัง 3 กระทรวงลด PM 2.5 - มลพิษช่วงฤดูการผลิตปี 68-70
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ร่วมกับ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) และนายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้ง 4 กระทรวง ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม อก. 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
การลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ในการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยในช่วงฤดูการผลิตปี 2568/2569 ถึง 2569/2570 มุ่งเน้นการลดการเผาอ้อยทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว ควบคู่กับการลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และเครือข่ายการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับชาติ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการเผาอ้อย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์ที่แม่นยำ โดยกระทรวง อว. พร้อมนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ เข้ามาช่วยตอบโจทย์การบริหารจัดการสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวต่อว่า ภายใต้ความร่วมมือนี้ กระทรวง อว. โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA จะนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกอ้อยและอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายทั้งระบบ ตั้งแต่การทำแผนที่พื้นที่ปลูก การคาดการณ์ผลผลิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปจนถึงการติดตามสถานการณ์การเผาอ้อยด้วยระบบตรวจจับจุดความร้อน (Hotspot)
ปลัดกระทรวง อว. กล่าวอีกว่า GISTDA จะพัฒนาระบบเฝ้าระวังและติดตามการเผาอ้อยแบบเรียลไทม์ (Real-time) ที่ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ โดยใช้ดาวเทียมความละเอียดสูงผสานกับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อระบุพิกัดจุดเผาไหม้ วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง และคาดการณ์ทิศทางการแพร่กระจายของฝุ่น PM 2.5 ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดนโยบาย การบังคับใช้กฎหมาย การกำกับดูแลเกษตรกรและโรงงาน รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะเพื่อสร้างความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน
"ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการนำงานวิจัยและนวัตกรรมมาใช้แก้ไขปัญหาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวง อว. มั่นใจว่าด้วยศักยภาพทางเทคโนโลยีอวกาศและการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน จะช่วยลดปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิผล และนำไปสู่การสร้างฐานข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต" ปลัดกระทรวง อว. กล่าวทิ้งท้าย


