“อนุทิน” เผย “สีหศักดิ์” ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ผ่านญาณ ของแบบนี้มองหน้าก็รู้ ชี้ เหมาะสมในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลก และคุ้นเคยงานการเมือง ทำงานต่อเนื่องได้หากเกิดอุบัติเหตุกับตนเอง อัด “รายการวิเคราะห์ข่าวดัง” อย่าโชว์อะไรไม่ฉลาด
วันนี้ (25 ธ.ค.) เวลา 09.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเหตุผลที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยลำดับที่สอง ว่า พรรคภูมิใจไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเชื่อมั่นว่า จะได้ สส.ที่เพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่า ที่ผ่านมา การมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวหากเกิดสถานการณ์อะไรต่างๆ จะทำให้การทำงานเกิดความขาดช่วงได้ เลยต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้
ส่วนก่อนหน้านี้ ที่มีชื่อของ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เราพยายามที่จะทาบทามบุคคลที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน แต่ละท่านอาจมีข้อจำกัดบางประการที่เราต้องเคารพ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ท่านทั้งสองก็ตกลงที่จะร่วมเป็นทีมงานหากตนได้มีโอกาสบริหารประเทศต่อไป ฉะนั้น เราจะไปบังคับไม่ได้ เพราะเขาอาจจะมีความสบายใจในการทำงานในระดับนี้
เมื่อถามว่า การที่นายสีหศักดิ์เป็นทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีด้วย น่าจะมีเครดิตในการไปพูดคุยกับต่างประเทศมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า คิดว่าพี่น้องประชาชนคงเห็นความทุ่มเทในการทำงานของนายสีหศักดิ์ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องใช้เรื่องการต่างประเทศ ในการทำให้ประเทศไทยมีสถานะเป็นที่ยอมรับ และสามารถดำรงตนได้อย่างมีศักดิ์ศรีในระดับนานาชาติ
นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า นายสีหศักดิ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ในส่วนของตนที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีความพึงพอใจและขอบคุณในการทำงานของท่าน ขณะเดียวกัน ในเรื่องการต่างประเทศนายสีหศักดิ์ก็สามารถครอบคลุมได้ทั้งในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ และด้วยความเกรงใจตนมากๆ ท่านจึงตอบรับที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งท่านก็มีความเหมาะสม ถ้าในอนาคนมีเหตุอะไรก็ตามที่ตนไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ พรรคภูมิใจไทยก็มองแล้วว่าหากเป็นนายสีหศักดิ์มาทำหน้าที่แทนจะไม่มีอะไรหยุดชะงักและไม่มีอุปสรรคในการสานต่องาน โดยย้ำว่าเป็นกรณีที่หากเราได้มีโอกาสมาบริหารประเทศ เราจึงต้องคิดเผื่อ จะไปคิดสวยอย่างเดียวไม่ได้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องสูงสุดไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
เมื่อถามว่า นายสีหศักดิ์ ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยในวันไหน เพราะมีบางรายการอ้างว่าบังคับมาสวมเสื้อกั๊กภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า จะไปบังคับใครได้ อายุและวุฒิภาวะขนาดนี้กันแล้วก็เห็นมีคนโทร.มาบอกว่า มีรายการของ นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือ หมาแก่ ตนก็ว่าแกวิเคราะห์ไปเรื่อย สมัยเด็กหากตนทำแบบนี้ก็ถูกคุณพ่อดุตาย เลยบอกว่าอย่าโชว์อะไรที่เขาเรียกว่าไม่ฉลาด และนายสีหศักดิ์ ได้สมัครสมาชิกพรรคแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า นายสีหศักดิ์ รับปากเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีวันไหน นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคุยกับท่านมาเรื่อยๆ ในบรรดาทั้ง 3 ท่าน คือ นายเอกนิติ นางศุภจี และ นายสีหศักดิ์ ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในระดับประเทศอย่างยาวนาน เพราะหลังจากท่านพ้นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ยังเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ท่านอาจจะสัมผัสในเรื่องของงานการเมืองมากหน่อย และท่านก็ใช้ประสบการณ์ในอดีตที่เคยเป็นทูตในหลายประเทศ หากจะให้พูดทั้ง3 ท่านก็มีความเหมาะสม ฝากบ้านเมืองกับบุคคลเหล่านี้ได้หมด คิดว่าไม่ใช่ประเด็นการเมืองและการบังคับขู่เข็ญใดๆ จะเป็นไปได้อย่างไรคนระดับนี้ แม้กระทั้งไปบังคับให้ใส่เสื้อกั๊ก ในงานแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. นายสีหศักดิ์ ท่านก็ใส่เสื้อนอกมา แต่เมื่อนายสีหศักดิ์ เห็นทุกคนใส่เสื้อกั๊กท่านก็ถอดเสื้อนอกออก และใส่เสื้อกั๊ก และมาถ่ายรูปหมู่มาใส่เสื้อด้วยกัน เราไม่ได้บังคับอะไร ตอนที่ท่านแสดงวิสัยทัศน์พวกเรายังบอกว่าท่านใส่สูทก็ได้ เพราะท่านแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องต่างประเทศ ท่านสบายใจก็เอาแบบนั้น ทุกคนก็แฮบปี้ และท่านเอกนิติ นางศุภจี จะไปบังคับอะไรได้ ทุกคนก็ทำด้วยความเต็มใจ
“การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยการขาดข้อมูล คงติดต่ออะไรไม่ได้ คงไม่มีใครอยากให้ข้อมูลแล้ว เพราะเอาไปวิเคราะห์มั่วๆซั่วๆแบบนี้ ประชาชนก็ได้รับข่าวสารคลาดเคลื่อน และไม่มีประโยชน์อะไรกับเรื่องนี้ว่าจะบังคับหรือไม่บังคับ ไม่ได้พูดถึงเรื่องเนื้อหาหรือประโยชน์ ฝีมือ ประสบการณ์ของคนเหล่านี้ที่ทำให้กับบ้านเมืองคงต้องมีการยกระดับในการเสนอข่าวโดยเฉพาะข่าวการเมืองที่อยู่ในช่วงสภาวะต้องมีการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะหาว่าสื่อไม่เป็นกลาง” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า นายสีหศักดิ์ ตอบรับช่วงไหนเพราะวันที่ 23 ธ.ค. ยังบอกว่านายกรัฐมนตรียังไม่เคยจีบเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า คำว่าจีบถ้าตนยังไม่พูดอย่างเป็นทางการ มันก็คนรู้จักกัน ถ้าจะจีบก็ต้องตั้งแต่ชวนร่วมรัฐบาลแล้ว ก็มีการพูดกันไว้ “พี่พร้อมไหมมาช่วยกันหน่อย ถ้าเกิดอีกสองท่านไม่สะดวกก็พี่ ถามว่าแบบนี้คือการจีบไหม” ซึ่ง นายสีหศักดิ์ ก็พูดกับสาธารณะตลอดเวลา ว่าท่านชอบงานด้านต่างประเทศ ให้ท่านทำตรงนั้นท่านก็ทำได้ ตอนนี้คนที่ชอบหรือไม่ชอบการเมือง คนที่มีตำแหน่งหรือสถานะทางการเมือง ต่อให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา เลขาฯ ที่มีการแต่งตั้ง ถ้าจะไปกรอกอาชีพตอนตรวจคนเข้าเมือง ก็จะบอกว่า เป็นนักการเมือง เพราะไม่มีอาชีพรัฐมนตรี นายสีหศักดิ์ ก็มีความคุ้นเคยมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากท่านขึ้นเวทีเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ต่อสมาชิกพรรคภูมิใจไทยถือว่าพูดต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ ตนก็ว่าท่านมีความคุ้นเคยขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนมีความมั่นใจ
เมื่อถามย้ำว่า นายสีหศักดิ์ ตอบรับมาเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า บางทีคนระดับนี้ใช้ญาณคุยกัน
เมื่อถามว่า สาเหตุที่นำเสนอนายสีหศักด์ เพราะบทบาทเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และต้องเจรจากับหลายประเทศในช่วงนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเกี่ยวกันหมด และยอมรับเป็นคนมีประสบการณ์ และตนก็ไม่สามารถชี้แจงคนเดียวได้
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า คนในพรรคจะมีโอกาสเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนมีโอกาสหมด เที่ยวนี้เป็นการปรับสถานะของพรรคอีกรอบหนึ่ง มันก็ยังมีข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งหลังจากผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ไป ถ้าเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และเราเห็นสถานะของพรรคหลังการเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ. 69 ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ต้องฟังเสียงประชาชนเพราะเขาคือผู้ตัดสิน อย่ามาถามตน ตนตัดสินอะไรไม่ได้ เป็นอย่างไรก็ทำตามเสียงของประชาชน
นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวยังได้พยายามสอบถามถึงนโยบายที่ประกาศว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีเทา นายอนุทินจึงหันมาตอบว่า พรรคไหนก็ไม่มีเทาทั้งนั้น ก่อนจะยิ้มและเดินขึ้นไปทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที


