xs
xsm
sm
md
lg

“ส้ม”ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไกลเกินฝัน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - ศิริกัญญา ตันสกุล
เมืองไทย 360 องศา

การตั้งเป้าหมายของพรรคประชาชนว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้พวกเขาจะชนะการเลือกตั้ง โดยจะได้ส.ส.เกินครึ่ง นั่นคือเกิน 250 ที่นั่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โดยไม่ต้องพึ่งเสียงสนับสนุนจากพรรคใด โดยเป็นการแสดงความมั่นใจออกมาจากระดับแกนนำพรรค ตั้งแต่ “เจ้าของพรรค” คือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลงมา

ก่อนหน้านี้ พรรคประชาชนได้ประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค 3 คน ตามลำดับ ได้แก่ 1. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค 2. นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค และ 3. นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ซึ่งการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคได้เกิดขึ้นก่อนใคร นั่นคือ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

นายณัฐพงษ์ กล่าวภายหลังการประกาศรายชื่อแคนดิเดตในตอนนั้น ว่า พรรคประชาชนได้พิสูจน์ศักยภาพจากการคว้าคะแนนอันดับ 1 ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และในการเลือกตั้งครั้งใหม่ จะไม่มีการใช้เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดทิศทางผู้นำประเทศอย่างแท้จริง 

เขา กล่าวว่า พรรคตั้งใจขอ “ใบอนุญาตที่ 1” จากประชาชนเป็นรัฐบาลพรรคเดียว โดยจะต้องได้คะแนนเกินครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือ 20 ล้านเสียง เพื่อไม่ให้ถูกปฏิเสธการเป็นรัฐบาลเหมือนครั้งที่แล้ว และจะเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ ทั้งด้านเศรษฐกิจสมัยใหม่ เทคโนโลยี การบริหารจัดการภาครัฐที่โปร่งใส และโมเดลการพัฒนาที่ลดความเหลื่อมล้ำ เชื่อว่าการเปิดตัวทีมแคนดิเดตชุดใหม่นี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความหวังให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

พรรคประชาชน ย้ำว่า ทีมแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 ราย สะท้อนความพร้อมของพรรคในทุกมิติ ตั้งแต่เศรษฐกิจ นโยบายสังคม ไปจนถึงการบริหารประเทศในยุคใหม่ โดยพรรคเชื่อว่าจะสามารถลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งที่จะมาถึงได้อย่างเต็มศักยภาพ และเป็นตัวเลือกที่มีความพร้อมที่สุดในการนำพาประเทศสู่อนาคตใหม่

อย่างไรก็ดี การประกาศดังกล่าวที่มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พวกเขา คือพรรคประชาชนจะสามารถคว้าชัยชนะแบบถล่มทลาย นั่นคือจะได้ส.ส.เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร คือ จำนวนเกินกว่า 250 เสียง ซึ่งหากทำได้จริงก็ต้องถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

แต่ถึงอย่างไร สำหรับในวงการเมืองกลับมองไปอีกทางเป็นตรงกันข้ามว่า “เป็นไปไม่ได้” อย่างเด็ดขาด โดยมองว่าสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานี้เปลี่ยนไปมากแล้ว และที่สำคัญเวลานี้ ถือว่าพรรคประชาชน หรือหากเจาะลึกลงไปในรายละเอียดในแบบ “สามนิ้ว” ต้องย้ำว่า “เลยจุดพีค” ไปไกลแล้ว

แน่นอนว่า จะมีการโต้แย้งกลับมาว่าผลสำรวจที่ออกมาทุกครั้งจนถึงล่าสุดยังสะท้อนออกมาว่าพรรคประชาชน และหัวหน้าพรรค ต่างยังได้รับความนิยมสูงสุด นั่นคือ มาอันดับหนึ่ง หรือไม่ก็หากเป็นอันดับสองก็ต้องบอกว่าได้รับความนิยมเหนือหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นทุกพรรค

ตัวอย่างจาก “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2568

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 47.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 16.95 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 3 ร้อยละ 10.90 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 9.00 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 2.75 ระบุว่าเป็น พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 2.25 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 2.15 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 1.65 ระบุว่าเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล (พรรคประชาชน) อันดับ 9 ร้อยละ 1.35 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 10 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย)

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.20 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 26.25 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 10.05 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 4 ร้อยละ 9.55 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 1.95 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคเศรษฐกิจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 7 ร้อยละ 1.20 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.90 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทยภักดี พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้าธรรม พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรครักชาติ พรรคโอกาสใหม่ และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สอดคล้องกับผลสำรวจก่อนหน้านี้จากทั่วประเทศ หรือแบบทีละภาค ก็ออกมาในแบบเดียวกัน นั่นคือ แม้ว่าพรรคประชาชน หรือหัวหน้าพรรค จะได้รับความนิยมสูงกว่าคนอื่น หรือพรรคอื่นเกือบทุกครั้ง แต่ที่น่าสนใจก็คือ “ยังหาพรรคที่เหมาะสม” และ “คนที่เหมาะสมเป็นนายก” ไม่ได้ ในสัดส่วนที่สูงมาก อย่างกรณีผลสำรวจคนกรุงเทพฯข้างต้น จะเห็นว่า “ยังหาใครหรือพรรคที่เหมาะสมไม่ได้” สูงเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละห้าสิบ หากยังออกมาแนวนี้ถือว่าเป็นการ “ดับฝัน” พรรคประชาชน อย่างสิ้นเชิงแน่นอน

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์จริง และบรรยากาศจริงในเวลานี้ ที่ถือว่าส่งผลกระทบในทางลบกับพรรคประชาชนอย่างรุนแรง เริ่มตั้งแต่ “กระแสชาตินิยม” และ “ความนิยมทหาร” เพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด จากความขัดแย้งและการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ภาพลักษณ์ของ “พรรคส้ม” ที่อยู่ในโทนการต่อต้านทหาร “ดิสเครดิตกองทัพ”มาตลอด

สอง บรรยากาศต่อสู้กับเผด็จการเวลานี้ถือว่าเจือจางจนแทบไม่มีเหลือแล้ว ผิดกับครั้งก่อนที่บอกว่า “มีลุงไม่มีเรา” ตอนนี้ “ไม่มีลุง” ให้ปลุกกระแสแล้ว หรือแม้แต่กรณีรัฐธรรมนูญจากกรณีวุฒิสภาโหวตเลือกนายกฯ ก็หมดสภาพไปแล้ว หรือแม้แต่กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งล้มคว่ำไปนั้น เอาเข้าจริงกลายเป็นว่า เสียงของชาวบ้านไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก ในโลกโซเชียลต่างได้ยินเสียงวิจารณ์พรรคประชาชนในทางลบมากกว่าบวกเสียด้วยซ้ำไป

ประเด็นที่สาม แม้ว่าอาจเป็นปัจจัยประกอบ แต่สำหรับ “โหวตเตอร์” รุ่นใหม่ ก็ไม่อาจมองข้ามได้ นั่นคือ ตัวแคดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคนปัจจุบัน คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เมื่อเปรียบเทียบกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือว่ายังเทียบกันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ความหล่อ” ความโดดเด่น เรียกว่ายังตามหลังแบบห่างไกลมาก ซึ่งพวกนี้ย่อมมีผลกับบรรดา “ด้อม” ทั้งหลายไม่น้อย

แต่เอาเป็นว่า แม้ว่าเวลานี้พรรคประชาชนอาจจะยังได้รับความนิยมในระดับสูง และอาจได้รับการเลือกตั้งเข้ามามาเป็นอันดับหนึ่ง หรือเป็นพรรคหลักในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพียงแต่ว่าโอกาสที่พวกเขาจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย หรือได้ ส.ส.เกิน 250 เสียงขึ้นไปนั้น เรียกว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย ด้วยสถานการณ์และบรรยากาศที่เปลี่ยนไปดังกล่าว และที่สำคัญพวกเขา “ไม่สด” อีกต่อไปแล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น