“สุไพรพล” เพื่อไทย ชี้ “30 บาทรักษาทุกโรค” คือจุดเปลี่ยนศักดิ์ศรีคนไทย สะท้อนเสียงชาวบางพลัด–บางกอกน้อย พบปัญหาปฏิบัติจริง 3 ประเด็น เร่งปรับกลไก สปสช.
นาย สุไพรพล เพ็ญแข ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 33 บางพลัด–บางกอกน้อย พรรค พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายด้านสาธารณสุขที่เตรียมนำเสนอในการหาเสียงว่า ตนเติบโตมาในยุคของโครงการ “30 บาทรักษาทุกโรค” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในสมัยรัฐบาลนาย ทักษิณ ชินวัตร ที่เปลี่ยนโฉมระบบสาธารณสุขไทย ทำให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม
นายสุไพรพล ระบุว่าก่อนมีโครงการดังกล่าว คนจนจำนวนมากไม่กล้าไปโรงพยาบาลเพราะภาระค่าใช้จ่ายสูง บางรายเผชิญการปฏิเสธหรือการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน สะท้อนความไม่เป็นธรรมในระบบสาธารณสุข “30 บาทรักษาทุกโรค” จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ยกระดับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้คนไทย
นายสุไพรพลกล่าวว่าเมื่อได้ลงพื้นที่หาเสียงในเขตบางกอกน้อยและบางพลัด ซึ่งมีผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุจำนวนมากที่ยังพึ่งพาหลักประกันสุขภาพ นโยบายดังกล่าวยังเป็นที่ต้องการของประชาชน และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พรรคไทยรักไทยในอดีต และพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ได้รับความเชื่อมั่นต่อเนื่องมากว่า 20 ปี
อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังความเห็นประชาชนหลายร้อยรายหลังปรับนโยบายเป็น “30 บาทรักษาทุกที่” พบปัญหาเชิงปฏิบัติ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การบริหารจัดการของ สปสช. ทำให้สถานพยาบาลบางแห่งแบกรับต้นทุนไม่ไหวและยุติบริการ ส่งผลให้ประชาชนต้องย้ายสิทธิไปสถานพยาบาลที่ไกลขึ้น มีค่าเดินทางเพิ่ม หรือผู้สูงอายุต้องจ้างผู้ดูแล 2. ความไม่ชัดเจนในการกลับมาเปิดบริการ ของสถานพยาบาลที่ปิดตัว ทำให้บางพื้นที่เข้าถึงบริการยากลง 3. ระบบแบ่งระดับบริการ (ปฐมภูมิ–ทุติยภูมิ–ตติยภูมิ) แม้ถูกต้องตามหลักวิชาการ แต่ในทางปฏิบัติสร้างปัญหาการส่งต่อ โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการรุนแรง มีรายงานเกิดเหตุสูญเสียระหว่างการส่งตัว
นายสุไพรพล ย้ำว่า ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องเร่งแก้ไข ผ่านการปรับปรุงกลไกการทำงานของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อย่างจริงจัง พร้อมระบุว่า หากได้รับเลือกตั้ง จะผลักดันการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแนวทางแก้ไข เพื่อให้ “30 บาทรักษาทุกที่” รักษาได้ทุกที่จริง ลดภาระค่าใช้จ่ายและความเดือดร้อนของประชาชนให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์เดิมของโครงการ


