เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่า “สิ้นสภาพ” ของจริง กับการที่กองทัพไทยเริ่มเน้นโจมตีอาคารกาสิโน ตามแนวชายแดนหลายพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา ฝ่ายกองทัพไทยได้ใช้เครื่องบินรบบินถล่มอาคารกาสิโนในฝั่ง “ปอยเปต” กัมพูชาถึงสองระลอก สร้างความเสียหายอย่างหนัก จนประเมินกันว่านี่อาจเป็นการ “ปิดเกม” ให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสภาพทั้งทางทหาร และทางเศรษฐกิจที่เคยค้ำจุน “สองพ่อลูกตระกูลฮุน” มาช้านาน
ขณะเดียวกัน การโจมตีในเป้าหมายแบบนี้ยังสร้างความพอใจกับต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัย “หลอกลวงออนไลน์” พวกนี้อีกด้วย!
ที่ผ่านมานอกเหนือจากการที่กองทัพไทยได้ตอบโต้โจมตีฝ่ายกัมพูชามาตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นวันที่ 7 ธันวาคม เรื่อยมาจนถึงวันนี้ ก็ได้ระดมโจมตีที่มั่นทางทหาร อาคารที่เป็นแหล่งซ่องสุมกำลัง และหลังจากนั้น ก็มีการโจมตีอาคารที่เป็นแหล่งกาสิโนในหลายพื้นที่ อย่างน้อยไม่ต่ำว่า 5 แหล่ง แต่ก็ยังไม่เคยโจมตีกาสิโนใน “ปอยเปต” ของกัมพูชา ที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ซึ่งกาสิโนดังกล่าวถือว่าเป็น “แหล่งเศรษฐกิจ” หรือ “ทุนสำคัญ” ที่ว่ากันว่าหล่อเลี้ยง “กลุ่มอำนาจ” ในกัมพูชา คือ นายฮุน เซน ขณะเดียวกันก็มีการเชื่อมโยงกันอีกว่า ในพื้นที่ดังกล่าวยังมีพวก นักการเมืองไทย ข้าราชการไทย ทั้งนายทหารบางคน ฝ่ายพลเรือนบางคน มีเอี่ยวผลประโยชน์มานานหลายสิบปี ถือว่า เป็น “แหล่งผลประโยชน์มหาศาล”
และหากพิจารณาจากอาคาร ตึกรามบ้านช่องในฝั่งปอยเปต ที่มองเห็นว่ามีความเจริญ มีความคึกคักอย่างมาก และส่วนสำคัญที่เป็นแหล่งรายได้หลัก ก็คือ “การพนัน” ที่ส่วนใหญ่ก็มีลูกค้าจากฝั่งไทยเข้าไปอุดหนุน ขณะเดียวกันยังเป็น “แหล่งสแกมเมอร์” หรือ “ศูนย์กลางหลอกลวงออนไลน์” ขนาดใหญ่ของโลกเลยทีเดียว
วันเดียวกัน เพจ “กองทัพภาคที่ 2” โพสต์ข้อความในหัวข้อ “เมื่อโลกเห็นสิ่งที่สื่อไทยมองข้าม” โดยระบุว่า “SMART Soldiers | เมื่อโลกเห็นสิ่งที่สื่อไทยมองข้าม
Scam Army = Global Threat
Thailand = Frontline Defender
มีข่าวหนึ่งที่สื่อไทยแทบไม่ให้ความสนใจ แต่กลับเป็นประเด็นใหญ่ในสายตาสื่อต่างชาติ รวมถึง The Wall Street Journal ขณะที่หลายสำนักในไทยเลือกโฟกัสเพียงถ้อยคำของประธานาธิบดี ทรัมป์
ข่าวนั้นคือ ศึกชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงมิติทางทหาร แต่คือปฏิบัติการทำลาย “เครือข่าย Scam Army” ระดับโลก
รายงานข่าว ระบุชัดว่ากองทัพไทยได้ปฏิบัติการโจมตีอาคารกาสิโน และโรงแรมซึ่งถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ที่หลอกลวงเหยื่อจำนวนมาก รวมถึงพลเมืองสหรัฐฯ
จนถึงวันที่ 14 ธันวาคม กองทัพไทยได้ทำลายเป้าหมายลักษณะนี้แล้วไม่น้อยกว่า 6 แห่ง ที่สำคัญ ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 2 อาคารหลัก คือ รีสอร์ตและโรงแรมกาสิโน ซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางการเงิน และยึดทรัพย์เจ้าของไปก่อนหน้านี้แล้วจากการพัวพันกับธุรกรรมสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงชาวอเมริกันมาอย่างยาวนาน
นี่จึงอธิบายได้ว่า เหตุใดหลายประเทศแม้จะเรียกร้อง “หยุดยิง” แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดที่เป็นรูปธรรมต่อไทย รวมถึงท่าทีของสหรัฐฯ ที่ดูเหมือนปรามตามมารยาท ในฐานะผู้สนับสนุนสันติภาพ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพไทยกำลังทำอยู่ ไม่ใช่การขยายสงคราม แต่คือ การตัดรากอาชญากรรมข้ามชาติ และช่วยปกป้องประชาชนทั่วโลกจากเครือข่ายโจรสแกมเมอร์
นี่ไม่ใช่แค่การป้องกันอธิปไตยของไทย แต่คือการยืนหยัดแนวหน้าแทนโลกทั้งใบ ในการรับมือภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่างตรงไปตรงมา
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากการรายงานสถานการณ์การสู้รบล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม โดยสรุปรวมๆ ก็ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น เนิน 350 ที่เป็น “จุดสูงข่ม” กับพื้นที่ปราสาทตาควายที่ฝ่ายไทยยึดครองได้แล้ว แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงยิงตอบโต้มาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มเบาบางลงมาเรื่อยๆ
โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานสรุปสถานการณ์ว่า พื้นที่ช่องกร่าง-ตาเมือน-ตาควาย-บริเวณเนิน 350 : มีรบปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายเราระดมยิงอย่างหนัก ทำให้กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่เพิ่มเติมเข้ามากว่า 160 นายไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ในส่วนกำลังพลที่ประจำการอยู่เดิม มีความอ่อนล้า ขาดน้ำ และมีการรายงานว่าอาจต้านทานไม่ไหว ขอให้หน่วยเหนือยิงสนับสนุนในทันที และบางจุดได้สั่งให้กำลังพลถอนตัวไปด้านล่าง ทำให้การต่อต้านฝ่ายเราในห้วงเวลาเบาบาง ส่วนหน่วยรถถังของกัมพูชา มีการสั่งการว่า “ห้ามเคลื่อนย้ายหากไม่มีคำสั่ง” ฝ่ายกัมพูชาอาจต้องการใช้เพื่อยิงสกัดกั้น ในภารกิจคุ้มครองกำลังที่กำลังถอนตัว
นั่นเป็นภาพรวมๆ ของการสู้รบ ทำให้เห็นว่านอกเหนือจากการที่ทางทหารไทยกำลังควบคุมสถานการณ์และพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของไทยกลับคืนมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชากำลังอ่อนล้าเต็มทีแล้ว
น่าสังเกตอย่างยิ่งก็คือ การที่ฝ่ายกองทัพไทยระดมโจมตี “บ่อนกาสิโน” ฝั่งปอยเปตของกัมพูชา เป็นครั้งแรกและหนักหน่วงตลอดทั้งวันของวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านั้น นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Public Security - MPS) พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีอาญา กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กองสอบสวนอาชญากรรมโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน และจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ณ ห้อง จปร. อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อหารือประเด็นสถานการณ์ความมั่นคงและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยหลังจากนั้น นายหลิว จงอี้ ได้กล่าวชื่นชมไทย เมียนมาร์ และจีน ที่ได้ร่วมมือกันปราบปรามขบวนการอาชญากรรมอนนไลน์อย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ทางจีนได้แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ นั่นถือว่าเป็นการระบุถึงกัมพูชาอย่างตรงๆ ส่วนนี่จะเป็นสาเหตุของการถล่มคาสิโนปอยเปตของกัมพูชาในวันรุ่งขึ้นอย่างหนักน่วงหรือไม่ แต่ทุกอย่างมันช่างบังเอิญอย่างยิ่ง
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากความเชื่อมโยง และสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่แล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่า ฝ่ายไทยกำลังจะ “ปิดเกม” ได้ในเร็ววันนี้แล้ว ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากท่าทีนานาชาติแล้ว เวลานี้น่าจะเป็นผลบวกกับฝ่ายไทยมากกว่า เพราะหากสังเกตจะเห็นว่าส่วนล้วนต้องการให้ทั้งสองฝ่าย “หยุดยิง” แต่ไม่ได้กดดันอะไรเพิ่มเติม เพราะหลังจากที่ไทย “ถล่มรังสแกมเมอร์” ในกัมพูชา ย่อมให้ประเทศเหล่านั้นเอาใจช่วยอยู่แล้ว เพราะพลเมืองของพวกเขาเดือดร้อน หรือแม้แต่ล่าสุดทาง “ทูตพิเศษจีน” มาพบกองทัพบกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม วันรุ่งขึ้นเราก็ถล่ม “บ่อนปอยเปต” อย่างหนัก ทำให้มองเห็นว่าเรากำลังปิดเกมจน “สิ้นสภาพ” แล้ว !!


