รองโฆษกรัฐบาล เตือนประชาชน รัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก ตปท.ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บ.เริ่ม 1 ม.ค. 69 เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการรายย่อยไทย ยันจะไม่เพิ่มภาระขั้นตอนจ่ายภาษีให้ผู้สั่งสินค้าออนไลน์
วันนี้ (16 ธ.ค.) นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป รัฐบาลจะเริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และอากรขาเข้า สำหรับสินค้านำเข้าทุกชิ้น ตั้งแต่มูลค่า 1 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นการยกเลิกการยกเว้นอากรขาเข้าที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าและคุ้มครองผู้ประกอบการไทย
รองโฆษกฯ ชี้แจงว่า ปัจจุบันจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ยังคงจัดเก็บเฉพาะ VAT 7% เท่านั้น โดยยังไม่เก็บอากรขาเข้า และเมื่อเข้าสู่ปี 2569 จะจัดเก็บ ทั้ง VAT และอากรขาเข้า ตามพิกัดศุลกากรของสินค้า
สำหรับคำถามจากประชาชนกรณีการเก็บจะเก็บอย่างไร และของจะช้าไหม เรื่องดังกล่าว รองโฆษกฯ ระบุว่า ขั้นตอนการจัดเก็บภาษีได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว และ ไม่ทำให้การรับสินค้าล่าช้ากว่าปกติ
ทั้งนี้ กรณีนำเข้าทางไปรษณีย์ไทย ทางเจ้าหน้าที่ประเมินภาษีหน้ากล่อง และหากผู้รับอยู่บ้าน สามารถชำระภาษีผ่าน QR Code ได้ทันที แต่กรณีที่หากต้องรับที่ไปรษณีย์ อาจใช้เวลาตรวจเพิ่ม 3-5 วันเฉพาะกรณีสุ่มตรวจ
ส่วนกรณีนำเข้าทางบริษัทขนส่งด่วน (Courier) กรณีนี้ บริษัทขนส่งจะสำแดงและชำระภาษีแทนล่วงหน้า ส่วนผู้รับชำระคืนเมื่อรับสินค้า และระยะเวลาขนส่งโดยรวม ใกล้เคียงเดิม
เหตุผลสำคัญของมาตรการ
รองโฆษกฯ กล่าวว่า มาตรการนี้จะช่วยลดการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี และช่วยลดการนำเข้าสินค้าราคาถูกผิดปกติเข้ามากระทบตลาดในประเทศ โดยคาดว่า จะสร้างรายได้เข้ารัฐไม่น้อยกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์หลายแห่งได้เริ่มปรับระบบเพื่อ เก็บ VAT ณ ที่จ่าย ตั้งแต่ขั้นตอนสั่งซื้อ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ลดความยุ่งยากในการชำระภาษีปลายทาง
รองโฆษกฯ ย้ำว่า ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า โดยเฉพาะผู้นำเข้าสินค้ามาจำหน่าย ซึ่งตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป จะมีต้นทุนด้านอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นตามประเภทสินค้า พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้ามาตรการนี้อย่างรอบคอบ โปร่งใส และคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นสำคัญ


