"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.สอบ "ธนาธร-ปิยบุตร-พิธา-ชัยธวัช" ครอบงำหรือชี้นำพรรคประชาชนหรือไม่ กรณีร่วมกิจกรรม “ปิคนิกพรรคประชาชนพบประชาชน
วันนี้( 15 ธ.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อชี้เบาะแสให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.ให้ไต่สวนและสอบสวน กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลไปร่วมกิจกรรม “ปิคนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจ ขอไปต่อด้วยกัน”นั้น เข้าข่ายควบคุม ครอบงำ และชี้นำพรรคประชาชนหรือไม่ เนื่องจากบุคคลทั้ง 4 คน เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง มีกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคการเมืองใดหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ตามลำดับ จึงถือได้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามตามข้อบังคับพรรคประชาชน 2567 ข้อ 12(6) ประกอบมาตรา 9 (3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เพราะอยู่ระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 98 (5) ของรัฐธรรมนูญ 2560
การที่บุคคลทั้ง 4 กลับมาร่วมกิจกรรมและพูดคุยในเวทีดังกล่าวของพรรคประชาชน ซึ่งคำพูดของทั้ง 4 คนที่พูดออกมาสามารถบ่งบอกและใช้เป็นหลักฐานได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบุคคลทั้ง 4 คนยังวนเวียนช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่เบื้องหลังการดำเนินกิจกรรมของพรรคประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 การสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี อันอาจถือได้ว่าเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งขัดต่อมาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดเป็นข้อห้ามไว้ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 108 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนพรรคประชาชนก็ย่อมถือได้ว่าปล่อยให้บุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกมาควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคประชาชน อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 ด้วย ซึ่งมีโทษสูงสุดถืงขั้นยุบพรรคประชาชนได้ ตามมาตรา 92(3) ด้วย
เมื่อถาม หาก กกต.ไม่รับพิจารณา เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเหตุผลของ กกต. แต่หลักฐานที่ตนนำมายื่นเป็นสิ่งที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ทั่วไป พฤติกรรมและคำพูดของคนทั้ง 4 ว่าเป็นควบคุมหรือชี้นำอย่างชัดเจน ถ้า กกต.ยังไม่รับฟัง ตนก็อาจจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องเอาผิด กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ต่อ ปปช.ฐานทุจริตต่อหน้าที่และฝ่าฝืนจริยธรรม ต่อไป


