สสส. ร่วม ม.อ. เปิดเวทีเตือนภัยผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย ชี้ข้อมูล “ตาไว” พบโฆษณาเกินจริง 45.8% และอาการไม่พึงประสงค์ 44% เสนอคุมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ กระจายอำนาจคุ้มครองผู้บริโภค สร้างวัฒนธรรมตรวจสอบก่อนซื้อช่วง 12.12
วันนี้ (12 ธ.ค. 2568) ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) จัดเวทีเสวนาวิชาการหัวข้อ “ปัจจัยทางการค้ากำหนดสุขภาพ : มองปัญหาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายด้วยกรอบคิดสากล” ภายใต้โครงการศึกษาปัจจัยทางการค้าที่ส่งผลต่อการซื้อขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย และผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภค ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล “ตาไว : TaWai for Health” เพื่อสะท้อนสถานการณ์จริงของผลิตภัณฑ์สุขภาพอันตรายในตลาดออนไลน์ และเสนอแนวทางเชิงนโยบายในการคุ้มครองผู้บริโภค
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา ผู้อำนวยการสำนักนโยบาย ยุทธศาสตร์ และนวัตกรรม สสส. กล่าวว่า สสส. ให้ความสำคัญกับการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกิดจากปัจจัยทางการค้า ซึ่งเอื้อต่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในยุคอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์พัฒนาโครงการศึกษาปัจจัยทางการค้าฯ และแพลตฟอร์มดิจิทัล “ตาไว” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลจากประชาชนโดยตรง
เวทีเสวนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อคืนข้อมูลสำคัญด้านสุขภาวะให้แก่สังคมไทย และสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ มาตรการเฝ้าระวัง และแนวปฏิบัติด้านสาธารณสุข เพื่อปกป้องผู้บริโภคจากอันตรายของผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายอย่างยั่งยืน
ด้าน รศ.ดร.ภก.ภาณุพงศ์ พุทธรักษ์ หัวหน้าโครงการฯ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม “ตาไว” ระหว่างปี 2565–2568 พบประชาชนรายงานผลิตภัณฑ์สุขภาพอันตรายเข้าสู่ระบบรวม 9,635 รายการ โดยแบ่งเป็นการโฆษณาเกินจริง 45.8% การรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ 44% และรายงานผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยหรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย 10.2%
ทั้งนี้ พื้นที่ต่างจังหวัดมีอัตราการรายงานสูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจังหวัดพัทลุง สงขลา และอุบลราชธานี สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบคุ้มครองผู้บริโภคในระดับพื้นที่ และการเข้าถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยของประชาชนที่ยังไม่ทั่วถึง
การศึกษายังพบกลยุทธ์ทางการค้าสีเทาในกลุ่มผลิตภัณฑ์อันตราย ได้แก่ ยาชุดแก้ปวดและยาสมุนไพรเถื่อน ที่ลักลอบผสมสารสเตียรอยด์ ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดภาวะไตวาย กระเพาะทะลุ และเสียชีวิต ยาลดน้ำหนัก ที่ลักลอบใส่สารไซบูทรามีน เสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายและหลอดเลือดสมองแตก รวมถึง เครื่องสำอางและครีมเถื่อน ที่ไม่มีทะเบียน ลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดน และจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Lazada, TikTok และ Shopee โดยมีการโฆษณาเกินจริง และตรวจพบสารอันตรายอย่างสารปรอทหรือสเตียรอยด์
รศ.ดร.ภก.ภาณุพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ม.อ. และ สสส. เสนอให้บูรณาการแพลตฟอร์ม “ตาไว” เข้ากับระบบ Digital Health ของกระทรวงสาธารณสุข ควบคู่กับการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม E-commerce และโซเชียลมีเดียให้มีความรับผิดชอบต่อสินค้าที่วางจำหน่าย รวมถึงการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ต้นน้ำและเส้นทางการเงิน
ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้กระจายอำนาจการคุ้มครองผู้บริโภคสู่ท้องถิ่น ออกข้อบัญญัติควบคุมตลาดนัดและร้านชำ ห้ามจำหน่ายยาชุดและผลิตภัณฑ์เสี่ยง พร้อมสนับสนุนเครือข่าย อสม. และผู้นำชุมชนเป็นด่านหน้าในการเฝ้าระวัง และสร้างวัฒนธรรม “เอะใจ ตรวจสอบ รายงาน” ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพทุกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลชอปปิ้งออนไลน์ 12.12


