ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประธานสถาบันการสร้างชาติ และประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า ในการบริหารราชการแผ่นดิน ผู้นำเบอร์หนึ่ง คือ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ประสบการณ์ในประวัติศาสตร์โลกได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน การกล่าวว่าใครก็ได้เป็นผู้นำนั้นเป็นความผิดพลาดที่ล้มเหลว ผู้นำอันดับหนึ่งของประเทศเป็นผู้ที่สามารถนำคณะผู้บริหารให้เกิดเอกภาพ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการบริหารจัดการประเทศได้อย่างสัมฤทธิ์ผล การได้ผู้นำที่ดี เก่ง กล้า และความสามารถเหมาะสมจึงถือเป็นโชคลาภของประเทศอย่างแท้จริง โดยอุดมคติแล้วพลเมืองกว่า 70 ล้านคนของประเทศ ควรมีส่วนในการตัดสินใจเลือกบุคคลที่ดีที่สุดโดยไม่ใช้กลไกผลประโยชน์หรือการต่อรอง นายกฯ ที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นผู้ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาที่หมักหมม รวมถึงนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีในระยะยาว การจะได้คนในอุดมคติมาเป็นนายกฯ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องเผชิญกับด่านอุปสรรคมากมายจากผลประโยชน์ที่ต่อรองกัน ซึ่งเป็นผลจากความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พวกพ้อง
“สถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตรอบด้าน การยึดติดกับครรลองเดิมอาจไม่ใช่คำตอบที่ทันท่วงที บทความนี้จึงมุ่งวิเคราะห์ให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงที่ว่าเหตุใด กลไกการเลือกนายกฯ ตามปกติ ภายใต้ระบบพรรคการเมืองและบัญชีรายชื่อเดิม จึงกำลังนำพาประเทศไปสู่ทางตัน
ทั้งนี้ ได้นำเสนอทางออกผ่านแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลและสรรหานายกฯในสถานการณ์พิเศษตามกรอบกฎหมาย เพื่อเป็นกุญแจสำคัญในการไขวิกฤตและวางรากฐานใหม่ให้กับประเทศไทยก่อนที่จะสายเกินแก้”
ทั้งนี้ ดร.แดน ยังกล่าวถึง ปัญหาและข้อจำกัดของกลไกปกติในการเลือกนายกฯ ว่าภายใต้กฎกติกาปัจจุบันนั้นมีข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่สำคัญ คือกฎหมายการเลือกตั้งกำหนดให้ต้องเลือกผู้นำจาก "บัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ" ที่พรรคการเมืองเสนอไว้เท่านั้น ซึ่งในทางปฏิบัติตัวเลือกเหล่านี้มีจำนวนจำกัดและมักถูกล็อกสเปกไว้ที่หัวหน้าพรรค การเมืองต่างๆ ที่มีฐานเสียงสส.ในสภามากพอที่จะยกมือสนับสนุนเพื่อให้ผ่านเกณฑ์การจัดตั้งรัฐบาล ปัญหาที่ซ้อนทับอยู่ในกลไกนี้คือ พรรคการเมืองส่วนใหญ่มักมีข้อจำกัดและต้องพึ่งพา "นายทุน" ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งนายทุนเหล่านี้มักมีผลประโยชน์ที่ไม่ได้เห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แต่ต้องการผลักดันคนของตนให้เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อใช้อำนาจรัฐในการเอื้อประโยชน์ ช่วยเหลือธุรกิจ หรือตอบแทนเงินลงทุนทางการเมืองที่ได้จ่ายไปส่งผลให้กระบวนการคัดเลือกผู้นำตามระบบปกตินี้ วนเวียนอยู่กับการถ่วงดุลอำนาจและการแบ่งปันผลประโยชน์ มากกว่าการคัดสรรคนดีมีความสามารถอย่างแท้จริง
นอกจากปัญหาเรื่องเงินและผลประโยชน์ในระดับชนชั้นนำแล้ว การเมืองยังเผชิญกับวงจรของปัญหาที่เกิดจากประชาชนเองด้วย ในประเทศที่ยังมีคนยากจนเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก มักจะมีการซื้อเสียงและนักการเมืองจะเข้าหาคนเหล่านี้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อแลกกับคะแนนเสียง เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วพอ ประชาชนก็จะถูกหลอกล่อให้รับเงินหรือผลประโยชน์เฉพาะหน้า เพื่อหวังแก้ปัญหาชีวิตส่วนตนระบบเช่นนี้ทำให้เกิดฐานเสียงเฉพาะด้านที่มาจากการซื้อเสียงหรือการให้ผลประโยชน์ ผลลัพธ์คือ กลไกที่เบี่ยงเบนนี้ทำให้ประเทศมักจะไม่ได้คนที่มีคุณภาพ เสียสละ มาเป็นผู้นำ เมื่อกลไกปกติล้มเหลวและแคนดิเดตตามบัญชีไม่ตอบโจทย์วิกฤต จึงทำให้เกิดทางตันทางการเมือง
ส่วนแนวทางแก้ทางตัน: นายกฯนอกบัญชีและรัฐบาลเฉพาะกิจในสถานการณ์ที่ระบบการเมืองล้มเหลวถึงขีดสุดจนเกิดภาวะ "ทางตัน" (Deadlock) ที่ไม่สามารถเดินหน้าต่อด้วยกลไกปกติได้ การดันทุรังใช้ระบบเดิมต่อไปอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรง ทางออกที่จำเป็นและถูกต้องที่สุดในเวลานี้คือการแสวงหาผู้นำผ่าน "ช่องทางตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ" เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด หรือที่เรียกว่า "นายกฯ นอกบัญชี" เข้ามาทำหน้าที่กู้วิกฤต
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ ระบุว่า กุญแจสำคัญของทางออกนี้คือการใช้ "รัฐธรรมนูญ มาตรา 5" ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่เปิดช่องไว้สำหรับแก้ไขปัญหาในยามวิกฤตที่ไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญบังคับใช้แก่กรณีได้ โดยมาตรานี้ระบุให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตาม "ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หลักการนี้ถือเป็น "ทางเลือกสำรอง" ทางกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อผ่าทางตันโดยเฉพาะ ทำให้ประเทศสามารถสรรหานายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถจากบุคคลภายนอกบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองได้ตามจารีตประเพณีที่ถูกต้องโดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ
การใช้วิธีการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งใน 3 มิติ:คือมิติกฎหมาย: เป็นกระบวนการที่ดำเนินการภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่การล้มล้างการปกครองหรือวิถีทางนอกกฎหมาย
มิติการเมือง: เป็นการหลีกเลี่ยงการทำ"รัฐประหาร" หรือการใช้อำนาจนอกระบบที่ทั่วโลกไม่ยอมรับ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากต่างชาติและรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ และมิติความจริง: เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่เมื่อระบบปกติล้มเหลวเพื่อให้ได้ "รัฐบาลเฉพาะกิจ" ที่นำโดยนายกฯ ผู้มีความดี เก่งและกล้า เข้ามาแก้ไขปัญหาเร่งด่วน สร้างความปรองดอง และวางรากฐานใหม่ให้กับประเทศ ก่อนที่จะส่งไม้ต่อกลับสู่การเลือกตั้งในระบอบปกติเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
“การเสนอนายกฯ นอกบัญชีตามมาตรา 5 นี้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกหรือผิดหลักการประชาธิปไตย แต่เป็นทางออกที่ชอบธรรมและจำเป็นที่สุดในการพาประเทศข้ามพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ ที่สำคัญวิธีนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่ง แต่คือ ”ทางรอดเดียว“ที่ชอบธรรมที่สุดในการผ่าทางตันของประเทศ เพื่อให้ได้ผู้นำที่ “ดี เก่ง กล้า” เข้ามากอบกู้วิกฤตโดยไม่ต้องพึ่งพารถถัง หรือกลับไปวนเวียนพายเรือในอ่างกับระบบเดิมที่ล้มเหลว นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเพื่ออนาคตของชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้”ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ย้ำ


