นายกฯ นำปฏิญาณต่อต้านทุจริต หลัง CPI ไทยรั้งท้าย อันดับ 107 ของโลก สะท้อนยังมีช่องโหว่ ย้ำสร้างระบบตรวจสอบภายในเข้มข้น บังคับใช้กม. ใครทุจริต-เอื้อประโยชน์ต้องรับผิด ไม่ละเว้น พร้อมปกป้องคนซื่อสัตย์ หนุนก้าวหน้าการงาน สั่งทุกหน่วยงานทำแผนประเมินต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่ฮอลล์ 4 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานในการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ภายในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) “HERO OF THE TRUTH ร่วมหยุดคอร์รัปชัน” โดยมีประธาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 9 ธ.ค.ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอรัปชั่นสากล เป็นวันที่ประชาคมโลกแสดงจุดยืนร่วมกันในการขจัดการทุจริตในทุกรูปแบบ เพราะการทุจริตเป็นปัญหาที่สั่นคลอนความเชื่อมั่น ทำลายโอกาสการพัฒนา และลดทอนคุณภาพชีวิตของประชาชน ในฐานะนายกฯขอประกาศเจตจำนงอย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่ารัฐบาลจะยืนหยัดต่อสู้กับการทุจริตด้วยความเด็ดขาดไม่ลังเล ไม่ประนีประนอมและไม่ผ่อนปรนให้กับผู้ที่บ่อนทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ และพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสังคมที่โปร่งใสและเป็นธรรม ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านความโปร่งใสกระทบต่อศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชน โดยดัชนีชี้วัดสำคัญ อย่างดัชชีการรับรู้การทุจริตหรือคอร์รัปชัน CPI หรือ ดัชนีการรับรู้การทุจริต
ปี 2567 ดัชนีCPI ของประเทศเดนมาร์กสูงถึง 90 คะแนนเป็นอันดับ 1 ของโลก ประเทศสิงคโปร์ ได้ 84 คะแนน เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก ส่วนประเทศไทยได้34 คะแนนจัดอยู่ในอันดับที่ 107 ของโลกซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีช่องโหว่ที่ต้องเร่งแก้ไขและดำเนินการ และรัฐบาลนี้จะไม่หยุดแก้ไข แต่จะมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสของประเทศให้สูงขึ้น และเป็นรูปธรรม เราต้องมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้ลำดับCPI ดีขึ้น แต่เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าประเทศไทยสามารถสร้างระบบรัฐที่โปร่งใสตรวจสอบได้และยืนอยู่บนหลักธรรมาภิบาลเพื่อให้ประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้าไปในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และมีความเข้มแข็ง มีเสถียรภาพตามหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยและชาวต่างชาติ
นายกฯ กล่าวต่อว่า เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ ขอมอบนโยบายสำคัญที่ตนได้แจ้งกับคณะรัฐมนตรี(ครม.)และบรรดาส่วนราชการ คือต้องเสริมสร้างระบบป้องกันการทุจริต ต้องกำหนดมาตรการป้องกันการทุจริตในรูปแบบเชิงรุก โครงการที่ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากต้องผ่านการประเมินความเสี่ยง ต้องสร้างระบบตรวจสอบภายในที่เข้มข้น ไม่ใช่ทำตามรูปแบบ แต่ต้องเป็นเป็นผลจริงและให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของภาครัฐ และการทำงานภาครัฐต้องลดขั้นตอนการบริการประชาชนที่ไม่จำเป็น เพิ่ม e - Service และ One Stop Service ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อการดำเนินการที่เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริต สร้างความโปร่งใสและลดการใช้อำนาจ และลดปัจจัยที่เปิดช่องให้เกิดการแทรกแซง รวมถึงเปิดเผยข้อมูลภาครัฐให้ประชาชนได้เข้าถึงได้ง่าย ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนและต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โปร่งใสและเสมอภาค
นายกฯ กล่าวว่า ผู้ใดทุจริตต้องรับผิด ผู้เอื้อประโยชน์ต้องถูกตรวจสอบและต้องรับผิด หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนให้เกิดการทุจริต ไม่มีการละเว้น ไม่มีอภิสิทธิ์ไม่ว่าตำแหน่งใดหรือฝ่ายใด ส่วนใครที่มีความซื่อสัตย์สุจริต รัฐบาลจะปกป้องคุ้มครองและให้การสนับสนุนมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างเต็มที่ จะต้องเสริมสร้างวัฒนธรรมในสังคมไทยปลูกฝังจิตสำนึกด้านจริยธรรมและความโปร่งใสตั้งแต่ในสถานศึกษา และหน่วยงานรัฐให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์สุจริต ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชนเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการทุจริต รวมทั้งการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสอย่างจริงจัง เพื่อให้คนทำถูกมีที่ยืนที่มั่นคง และการป้องกันปราบปรามการทุจริตจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกฝ่าย
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อมั่นว่าสำนักงานป.ป.ช. ฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ต้องมีการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งเพื่อป้องกัน เพื่อป้องกันปราบปรามเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดการทุจริต ตนได้ขอให้ทุกหน่วยงาน ตั้งเป้ายกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตหรือCPI ด้วยการจัดทำแผนปฏิบัติการที่ส่งผลต่อการเพิ่มคะแนนCPI รัฐบาลจะติดตามประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องเป้าหมายคือเพื่อประเทศไทยที่โปร่งใส และน่าเชื่อถือ มีอนาคตที่มั่นคงสำหรับลูกหลานของเรา
“ผมขอขอบคุณ ภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ และทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาการทุจริต ของประเทศไทย และวันนี้เรามาแสดงพลังที่มุ่งมั่น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่เราได้มาร่วมกันแสดงพลังในการแก้ไขปัญหาการทุจริต เพื่อร่วมกันปลุกกระแสสังคม และจุดยืนของคนไทยว่า “ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย” ต่อการทุจริตต่อไป
ผมขอนำทุกท่านร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตร่วมกัน ข้าพเจ้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขอประกาศเจตนารมณ์ว่า ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จักปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดีด้วยหัวใจ“นายกฯ กล่าว


