xs
xsm
sm
md
lg

กองทัพขอเที่ยวนี้ รัฐบาลอย่าสั่งหยุดยิง “ฮุนเซน” มามุกเดิม เปิดคลิป “เสี่ยหนู” ซี้ย่ำปึก “ผู้ว่าฯไพลิน กัมพูชา” ** “แมวเก้าชีวิต” ใกล้ม้วย เมื่อ กพค.ตร.ไฟเขียว คำสั่ง ผบ.ตร. ไล่ออก “บิ๊กโจ๊ก”กับพวก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ กองทัพขอเที่ยวนี้ รัฐบาลอย่าสั่งหยุดยิง “ฮุนเซน” มามุกเดิม เปิดคลิป “เสี่ยหนู” ซี้ย่ำปึก “ผู้ว่าฯไพลิน กัมพูชา”

เมื่อกัมพูชาเปิดฉากรุกรานไทยรอบใหม่ จึงเจอกองทัพอากาศไทยตอบโต้ “หย่อนไข่” ตอกย้ำให้เขมรรับทราบ...ประเทศไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด!

สมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาปะทะเดือดอีกครั้ง มีข่าววงในที่ประชุมสมช. ผู้นำเหล่าทัพได้ขอ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย ว่า รบเที่ยวนี้ขอให้รัฐบาลอย่าสั่ง "หยุดยิง" เหมือนคราวที่แล้ว เพราะต้องรักษาอธิปไตยไทย ทวงคืนพื้นที่ของประเทศไทยจัดหนักให้กัมพูชา

ขณะที่ "ฮุน เซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่รอบนี้บัญชาการรบด้วยตัวเองเหมือนเดิม และยังคงใช้มุกเดิม เปิดคลิปนักการเมืองไทย ผู้นำไทย อย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย สนิทสนมกับผู้ว่าฯเมืองไพลิน ประเทศตัวเอง พร้อมกับแซะว่า เมื่อก่อนเป็นเพื่อน ตอนนี้กลับลืมมิตรภาพ

งานนี้ “ฮุน เซน” โพสต์ข้อความพร้อมภาพและคลิปของอนุทิน โดยมีความยาว 16 วินาที เป็นภาพความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างอนุทิน กับ นางบัน สเร มอม ผู้ว่าราชการจังหวัดไพลินของกัมพูชา

“ฮุน เซน” ระบุว่า ไม่คิดว่า นายกรัฐมนตรีอนุทิน เพียงเพราะหวังคะแนนเสียงในอนาคต ถึงกับกล้าเอาชีวิตของกองทัพและประชาชนมาเดิมพัน ด้วยการประกาศสงครามกับกัมพูชา ในเวลาที่กองทัพกัมพูชาไม่ตอบโต้”

ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นเพื่อน แต่เมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านกลับลืมมิตรภาพ เราเข้าใจความรักชาติ แต่เราไม่ควรประกาศสงครามกับคนที่ไม่ยอมตอบโต้

ฮุน เซน
มุกแบบนี้ของ “ฮุนเซน” เคยได้ผลมาแล้วในช่วงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร โดยปล่อยคลิปเป็นเสียงสนทนา ระหว่างตัวเองที่ แพทองธาร เรียกว่า “อังเคิล”

ส่วนท่าที “อนุทิน” แสดงออกชัดเจนว่า ได้ฉีกปฏิญญาร่วม (Joint Declaration - JD) ที่ไปเซ็นกันกับเขมร ต่อหน้า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดี สหรัฐทิ้งไปเรียบร้อย โดยกล่าวย้ำว่า.. ไม่มีแล้ว จำไม่ได้แล้ว

ขณะที่เหตุการณ์ครั้งนี้ จะมีผลให้ยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ เพื่อดึงศรัทธา และ เรียกคะแนนนิยมเพราะ รัฐบาลอนุทินล้มเหลวไปกับน้ำมท่วมหาดใหญ่

อนุทิน ชาญวีรกูล กับ ผู้ว่าฯเมืองไพลิน กัมพูชา
“อนุทิน” บอกว่า ไม่เกี่ยว ตัวเองได้ออกคำสั่งให้ข้อสั่งการในฐานะรัฐบาล ซึ่งผ่านกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่เป็นคำสั่งของบุคคล แต่เป็นข้อสั่งการของรัฐบาล ที่ให้ผู้ปฏิบัติคือ ฝ่ายกองทัพฝ่ายปกครองได้ดำเนินได้ดำเนินการด้วยความมั่นใจ และความสบายใจว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนทุกรูปแบบในการรักษาอธิปไตยในการรักษาอธิปไตยของประเทศ เป็นเป้าหมายสูงสุด

ส่วนตั้งแต่เกิดได้คุยกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนหรือไม่

อนุทิน กล่าวว่า “ไม่คุย” นี่เป็นเรื่องของประเทศไทยกับประเทศคู่กรณี และ ไม่กังวลว่าจะส่งผลต่อการเจรจาภาษี

“เสี่ยหนู” ยังบอกอีกว่า ถ้าจะบอกให้ประเทศไทยทําอะไร ขอวิงวอนว่า คนที่เกี่ยวข้องคนที่เป็นพยาน ควรที่จะไปพูดให้กับคนที่รุกรานประเทศไทย ให้หยุดการกระทํา เช่นนั้นเสียก่อน ไม่ใช่มาบอกให้ประเทศไทยเราต้องอดทนต่อไป ยังต้องหยุด เราดําเนินการอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ มันเลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าอยากจะหยุด ก็ไปบอกคนที่รุกรานเราว่าให้หยุด

งานนี้เขมรยิงก่อน..และไทยไม่ทน กองทัพเปิด "กฎการปะทะ" ทุกมิติ ขึ้นอยู่กับ "อนุทิน" ก็อย่าสั่งหยุดยิง และ คนไทยก็อยากเห็นศึกครั้งนี้ต้องจบ !

แต่ถ้าจะให้จบจริง แบบที่รัฐบาลไม่โยนภาระ ให้กองทัพรับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียว รัฐบาลต้องใช้โอกาสในการประชุมครม.วันนี้ สั่งยกเลิก “เอ็มโอยู 43-44” ไปเลย ทหารจะได้เดินหน้าไปแบบสุดๆ โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล
++ “แมวเก้าชีวิต” ใกล้ม้วย เมื่อ กพค.ตร.ไฟเขียว คำสั่ง ผบ.ตร. ไล่ออก “บิ๊กโจ๊ก”กับพวก

เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ถูก “ไล่ออก” จากราชการ... ระหว่างที่อุทธรณ์คำสั่ง ก็ทั้งร้อง ทั้ง แฉ ทั้งหาแสง ดับเครื่องชนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำตัวให้อยู่ในหน้าสื่อ หวังจะใช้กระแสสังคมกดดัน พลิกคดี กลับเข้ามารับราชการได้อีกครั้ง

ดูเหมือนว่าการ “ดิ้นรน” ของ “บิ๊กโจ๊ก” จะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งดิ้น ยิ่งจม!!

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
เพราะล่าสุด มีรายงานว่า ผลการประขุมคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (กพค.ตร.) เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณากรณีที่ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนาม คำสั่ง ตร.ที่ 159/2568 ลงวันที่ 11 มี.ค.2568 เรื่อง ลงโทษไล่ข้าราชการตำรวจออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2567 เป็นต้นไป
ก็เรื่องที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” กับพวก กระทำผิดวินัยร้ายเเรง เกี่ยวข้องเว็บพนัน เเละ ความผิดอื่นๆนั่นแหละ

โดยนอกจาก “บิ๊กโจ๊ก” ที่เป็นหัวโจกแล้ว บรรดาลูกน้องรอบเอว ก็มี “พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร” รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา “พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ” รอง ผกก.สส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ “ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว” ผบ.หมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร. และ “ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร” ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.

กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ชื่อ “BNKMASTER” และถูกดำเนินคดีอาญา ตามคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูน พร้อมทั้งถูกศาลอาญา ออกหมายจับในความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ม.112 (6)(9) ประกอบม.111 (1) (2) (15) และ (16) ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก” กับพวก ได้อุทธรณ์คำสั่งไล่ออกกับ กพค.ตร.

มีรายงานว่า ในการประชุม กพค.ตร. เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น มีข้อสรุปว่า การวินิจฉัย ตามคำสั่ง สตช.ที่ 159/2568 ไล่ออกจากราชการ อดีต รอง ผบ.ตร. เเละพวก ของ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ผบ.ตร.นั้น ใช้ดุลพินิจเหมาะสมเเล้ว คำอุทธรณ์ของ “บิ๊กโจ๊กเเละพวก” ฟังไม่ขึ้น

วินิจฉัย ยกอุทธรณ์ของอดีต รอง ผบ.ตร. กับพวก

ตามระเบียบแล้ว เมื่อผลการวินิจฉัย ของ กพค.ตร. มีมติออกมาเช่นนี้ “บิ๊กโจ๊ก กับพวก” ยังสามารถ ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ กับศาลปกครองสูงสุดได้ ภายใน 90 วัน หลังทราบมติ

แม้จะยังมีช่องทางนี้เหลืออยู่ แต่ด้วย พฤติกรรม พยาน หลักฐาน ที่ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีนั้น เห็นที่จะพลิกฟื้นคืนกลับมาได้ยาก


กำลังโหลดความคิดเห็น