xs
xsm
sm
md
lg

"ไตรรงค์" เคลียร์ชัด "โจ๊ก" บัญชีม้า "พ่อบ้าน" คนใกล้ชิดผิดสนิท-ป้ายสีคนอื่นรายวัน ย้อนเข้าตัวเต็มๆ ** เปิดตัว “เอกนิติ-ศุภจี” ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2-3 พรรคภูมิใจไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล  -เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ - ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ "ไตรรงค์" เคลียร์ชัด "โจ๊ก" บัญชีม้า "พ่อบ้าน" คนใกล้ชิดผิดสนิท-ป้ายสีคนอื่นรายวัน ย้อนเข้าตัวเต็มๆ

เกมของ “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ทุกคนรู้แล้วว่า นี่คือคนเล่นบทเหยื่อ,ป้ายสีองค์กร และชิงแสงสื่อ เพื่อเตรียมปูทางลี้ภัย

เพราะข้อเท็จจริงไม่ได้อยู่ที่โซเชียลฯ หรือที่ "โจ๊ก" พูดปาวๆ แต่อยู่ในสำนวนคดี และศาลได้ตัดสินบางส่วนไปแล้ว!

งานนี้ถ้าจะเอาให้ชัด เคลียร์กันทุกประเด็น ก็ต้องฟังจากถ้อยแถลงของ "บิ๊กอรรถ" พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ

เรียกว่า รู้ทันทั้งเกม ได้เห็นธาตุแท้ "โจ๊ก" และเปิดโปงเบื้องลึก

เริ่มตั้งแต่ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” เผาบ้านตัวเอง กล่าวหาเป็น "องค์กรอาชญากรรม" พาดพิงถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีการใช้บัญชีม้ากันอย่างเป็นปกติ!

ใครไม่รู้ ก็จะหลงเชื่อ "โจ๊ก" แต่ความจริง ตำรวจทุกคนรู้ดีว่า บัญชีม้าเป็นส่วนหนึ่งองค์กรอาชญากรรม

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
“โจ๊ก”เองก็รู้แต่แกล้งไม่รู้ว่าการใช้บัญชีม้าเป็นช่องทางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ที่ใช้ในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าพนักงานของรัฐ เป็นเครื่องมือในกระบวนการฟอกเงินอย่างดี

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ให้ข้อมูล

บัญชีม้า…ใครใช้ = เกี่ยวข้องอาชญากรรม ชัดพอมั้ย !?

ที่สำคัญ อดีตรอง ผบ.ตร. ก็รู้ดี เพราะแม้แต่ “พ่อบ้าน” คนใกล้ชิด ก็ใช้บัญชีม้าหลายบัญชี รับเงินเกี่ยวข้องเว็บพนัน และรับเงินที่ไม่ทราบที่มา จำนวนมาก

เพราะฉะนั้น ใครใช้บัญชีม้า ก็ต้องรับผิดทั้งผู้ใช้ และผู้เปิดบัญชี หนีไม่พ้นกฎหมาย

ประเด็นนี้จบข่าว…แบบไม่ต้องตีความ

ทีนี้มาถึงเรื่องที่ “โจ๊ก” โจมตีองค์กรตำรวจรายวัน ข้อกล่าวหาที่ออกมาทุกวัน สุดท้ายย้อนเข้าตัวเองหมด

รองจเรฯ พูดจี้จุดที่หลายคนคิด แต่ไม่กล้าพูดว่า การที่อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมาโจมตีตำรวจรายวัน ทั้งที่ถูกตั้งกรรมการ, ถูกไล่ออกจากราชการ และยังเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินจากเว็บพนัน เป็นการโยงประเด็นให้ตัวเองดูเป็นเหยื่อ “พล.ต.ท.ไตรรงค์” บอกตรง ๆ ว่าขอให้ประชาชนชั่งน้ำหนักระหว่างคำกล่าวหากับข้อเท็จจริงในสำนวนคดี

กระบวนการยุติธรรมดำเนินอยู่ พยานหลักฐานครบ ทุกคดีถูกส่งไปป.ป.ช. แล้ว

เรื่องลูกน้องโดนจับ แล้วลูกน้องโจ๊ก ไปร้องศาล ปรากฏว่า ศาลยกคำร้องแล้ว แต่ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” ไม่เคยบอกต่อสาธารณะ

ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรม “จบชัด” ตั้งแต่วันนั้น แต่เจ้าตัวไม่เคยออกมาเล่าให้ครบเพราะต้องการให้สังคมเข้าใจตามที่ตนต้องการ

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
รองจเรฯ ยังย้ำให้เคลียร์ว่า นี่ไม่ใช่ “ศึกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” แต่คือ องค์กรบังคับใช้กฎหมาย vs ผู้ต้องหา ต่างหาก จะมีความโกรธแค้นจากฝ่ายถูกจับก็เข้าใจได้ แต่พูดในสาธารณะบ่อยๆ ต้องระวัง

เพราะเข้าข่าย "ผิดแล้วพาล” อย่างที่สังคมตั้งคำถาม

งานนี้ ก็ต้องบอกว่ามาถึงตรงนี้ไม่ว่า "โจ๊ก" จะไปฟาดงวงฟาดงา เดินสายออกสื่อ ยื่นหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ อย่างล่าสุดก็ไปขู่จะเล่นงาน ม.157 กับ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ถ้าไม่รีบปลด "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.
นี่ “โจ๊ก” ไม่รู้ตัวเองจริงๆหรือ!? ยังมีใครเกรงกลัวคำขู่ของคนที่ในหัวคิดแต่เรื่อง "ล้างแค้นส่วนตัว"

ที่สำคัญวันนี้คนดูเริ่มรู้แล้วว่า ใคร “พาล” และใครเป็น “ทองแท้ที่ย่อมไม่แพ้ไฟ”

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
++ เปิดตัว “เอกนิติ-ศุภจี” ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2-3 พรรคภูมิใจไทย

ถึงวันนี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเรื่องยุบสภา ว่าถ้ายื่นตามมาตรา 152 คือ อภิปรายแบบไม่ลงมติ ก็จะให้อภิปราย รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจง

แต่ถ้าอภิปรายตาม มาตรา151 ที่จะต้องลงมติด้วยนั้น ยืนเมื่อไร ก็ยุบสภาเมื่อนั้น เพราะถือว่ามีเจตนาที่จะเล่นเกมการเมือง ใช้เสียงข้างมากมาล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต่อให้ชี้แจงแสดงเหตุผลอย่างไร พอถึงเวลายกมือ ก็สู้ไม่ได้อยู่ดี... ดังนั้นจึงได้ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ เตรียมไว้แล้ว

นอกจากนั้น “อนุทิน” ยังพูดถึงความพร้อมลงสนามเลือกตั้งว่า แม้แต่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย ก็เตรียมไว้เสร็จสรรพ คือนอกจากตัวเขาจะเป็น เบอร์ 1 แล้ว ยังพูดได้เต็มปากไม่มีเม้มว่า “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกฯ และรมว.คลัง เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2 “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” รมว.พาณิชย์ เป็นเบอร์ 3

โชว์ให้เห็นเลยว่า ถ้าหลังเลือกตั้งภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล “อนุทิน”เป็นนายกฯ ก็จะมี “เอกนิติ-ศุภจี” เป็นทีมเศรษฐกิจ เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้

“เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” เกิดวันที่ 17 กันยายน 2514 อายุ 55 ปี เป็นบุตรของ “อิสสระ นิติทัณฑ์ประภาศ” อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ กับ “ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ”อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน คู่สมรสคือ “ร้อยแก้ว นิติทัณฑ์ประกาศ” ยังไม่มีทายาท

เป็นศิษย์เก่าวชิราวุธวิทยาลัย จบเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) ม.ธรรมศาสตร์ (ทุนสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์) จากนั้น ได้ทุนรัฐบาลไปเรียน ป.โท สาขาเศรษฐศาสตร์ ที่ University of ILLINOIS at Urbana-Champaign และได้ทุนเดียวกัน เรียนปริญญาเอก ในสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Claremont Graduate University ประเทศสหรัฐฯ

ถ้าพูดถึงความเก่งในเรื่องเรียนนี่จัดอยู่ในระดับ “ปีศาจ” ได้รับรางวัลเยอะแยะมากมายทั้งในประเทศ ต่างประเทศ

เริ่มต้นการทำงานที่ ธนาคารโลก ในสหรัฐอเมริกา ในตำแหน่ง Senior Advisor to Executive Director ต่อมาได้เป็น โฆษกกระทรวงการคลัง ก่อนจะถูกไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูต (ฝ่ายเศรษฐกิจการคลัง) ประจำสหราชอาณาจักรและยุโรป เคยเป็น ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ

เป็นประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจ และอีกหลายแบงก์ มีภาพลักษณ์ของนักบริหารยุคดิจิทัล

ในยุครัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” เขานั่งเป็นอธิบดีกรมสรรพากร ก่อนจะถูกย้ายไปเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต สลับกับ “ลวรณ แสงสนิท” ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นั่งตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์

เมื่อถึงยุครัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” เขายอมลาออกจากข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง มาเป็นรองนายกฯ ควบรมว.คลัง และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ทั้งที่รู้ว่ารัฐบาลนี้มีอายุแค่ประมาณ 4 เดือน

ผลงานกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เด่นที่สุด ถูกใจประชาชนที่สุดในช่วงเดือนเศษ ที่ผ่านมานี้ คงไม่มีใดเกิน “โครงการคนละครึ่งพลัส”
และวันนี้ “อนุทิน” ก็ประกาศว่า “เอกนิติ” เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทย

ศุภจี สุธรรมพันธุ์
ส่วน “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ชื่อเล่น แต๋ม ปัจจุบันอายุ 61 ปี มีบุตรทั้งหมด 2 คน

ปริญญาตรี สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ สาขาการเงินและการบัญชีต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัย Northrop, สหรัฐอเมริกา

ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง เช่น Director Certification Program, Advanced Audit Committee Program, หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน และหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง

เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ IBM ประเทศไทย ในวัยเพียง 38 ปี ซึ่งเป็นผู้หญิง และอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์องค์กร และเป็นคนเอเชียคนแรก ที่ได้ตำแหน่งผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่สำนักงานใหญ่ IBM ในสหรัฐอเมริกา
เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไทยคม จำกัด (มหาชน) และสามารถพลิกฟื้นบริษัทให้กลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก หลังจากขาดทุนติดต่อกัน 5 ปี

ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเข้ามาเป็น รมว.พาณิชย์ คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และ เป็นผู้บริหารคนนอกตระกูลคนแรก ขององค์กรที่มีอายุมากกว่า 70 ปี

“ศุภจี” อภิปรายในสภาครั้งแรก ในวาระที่รัฐบาลอนุทิน แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ การเร่งรัดฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายการค้า เช่น การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ, การจัดทำ FTA กับ EU และเกาหลีใต้, การลดค่าครองชีพ และควบคุมสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ , การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบสินค้าที่ทุ่มตลาด และ การส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ให้ขยายตลาดไปยังภูมิภาคใหม่ๆ เช่น เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
การอภิปรายของเธอได้รับเสียงชื่นชมจากสมาชิกสภาฯหลายคน รวมทั้งสส.ฝ่ายค้าน และประชาชนที่ติดตามรับฟัง

วันนี้ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ก็ได้รับการเปิดตัว เป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯหญิง ของพรรคภูมิใจไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น