ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ เปิด 5 คดี ที่ทำให้ ‘โจ๊ก’ ดิ้นเฮือกสุดท้าย เผาบ้านตัวเองหวังลี้ภัย?!
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ “โจ๊ก” เคลื่อนไหวรุนแรงผิดปกติ ทั้งไลฟ์ ทั้งโพสต์ ทั้งปั่นกระแส “ตำรวจคือแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด” เดินสายฟาดทุกหน่วย จนผู้ชมเริ่มงงว่า นี่เขากำลังสู้เพื่อความยุติธรรมที่ชอบอ้าง หรือกำลังเผาบ้านตัวเองกันแน่ ?
แต่คนที่อ่านเกมขาดที่สุดคือ "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ที่เคยทำคดีโจ๊กมากับมือ เห็นหลักฐานครบทุกแฟ้ม ถึงกับหลุดประโยคแทงใจโจ๊ก ว่า…จนตรอกหรือเปล่า ถึงได้ออกมาฟัดหมดทุกคน ไม่ว่าผู้มีพระคุณ หรือศัตรู… หรือเพราะเวลาเขาใกล้หมดแล้ว!
หลายคนวิเคราะห์ตรงกันว่า การที่ “โจ๊ก” ออกมาฟาดแหลกแบบนี้ อาจไม่ใช่การต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่เป็นการ “สร้างสถานการณ์” ให้ตัวเองกลายเป็นผู้ถูกกลั่นแกล้ง เพื่อปูทางไปสู่เป้าหมายใหญ่… การขอลี้ภัยต่างประเทศ อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
และสาเหตุที่ต้องดิ้นหนัก ก็เพราะ “5 คดีจ่อคอหอย” ต่อไปนี้ ที่พร้อมเป็นระเบิดเวลาได้ทุกเมื่อ…คือ
1) คำสั่งยึดทรัพย์—ไฟกำลังลามมาถึงตัว
ปปง. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อยึดทรัพย์จากพฤติกรรมที่โยงกับเว็บพนันออนไลน์
คดีนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย… เรียกว่า “อีกไม่นาน” ตามคำของคนในวงการ
2) คดีฟอกเงิน–เงินประกันชีวิต 1.7 ล้านบาท
คดีที่ “โจ๊กและภรรยา” ถูกกล่าวหาว่านำเงินจาก บัญชีม้าเว็บพนัน ไปซื้อกรมธรรม์
อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.บางรัก ซึ่งทำสำนวนเสร็จแล้ว เหลือแค่ “เรียกตัวมาแจ้งข้อหา”
3) คดีเว็บพนัน BNK Master – คดีใหญ่ที่ทำให้โดนไล่ออก
คดีเด็ดของ สน.เตาปูน ทีม PCT–4 ไล่จับทั้งแก๊ง ตั้งแต่คนทำเว็บ “อู๊ด หาดใหญ่ – พิมพ์วิไล” ยันเครือข่ายคนสนิท
นี่คือคดีที่ แทงทะลุถึงหัวใจ จนเป็นเหตุให้ “โจ๊ก” ถูกให้ออกจากราชการ
4) คดีคำสั่งให้ออกจากราชการ ศาลปกครองเตรียมนำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่
คนในวงการคาดว่า “ไม่รอด” เป็นอีกด่านที่ “โจ๊ก”ยากจะพลิก
และ 5) คดีร่ำรวยผิดปกติ–แจ้งบัญชีเท็จต่อ ป.ป.ช. สอบสวนหลักๆ เสร็จแล้ว เหลือแต่ “มือดี” บางราย ที่คอยเตะถ่วงให้ช้า แต่สุดท้ายเชื่อว่า หนีกฎเหล็กของ ป.ป.ช. ไม่ได้แน่นอน
สรุปว่า เกมนี้ “โจ๊ก”เล่นใหญ่ เพราะรู้ว่าเวลาใกล้หมด
จากทุกสัญญาณ ทั้งการโพสต์รัวๆ ไลฟ์รัวๆ พุ่งชนทุกหน่วยไม่เลือกหน้า…หลายคนเชื่อว่า โจ๊ก กำลัง “สร้างเรื่องให้ใหญ่” เพื่อประกอบการขอลี้ภัยในอนาคต ตามสูตรเดียวกับผู้มีคดีในหลายประเทศ
และอย่างที่ “บิ๊กเต่า” เตือนเอาไว้ ต่อให้ “โจ๊ก” อาละวาดแค่ไหน สุดท้ายก็หนีระบบกฎหมายไม่พ้น!!
++ ประธาน กกต.ใหม่ คนค่ายสีน้ำเงิน ?!
หลังจากที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่20ต.ค.ที่ผ่านมา รับรอง 2 กกต.ใหม่ คือ “อนันต์ สุวรรณรัตน์” อดีตปลัดกระทวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2563 กับ “ณรงค์ รักร้อย” อดีต ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ที่เกษียณเมื่อปี2566
บัดนี้ กกต.ก็ครบตามจำนวน 7 คนแล้ว โดย 5 คนที่มีอยู่เดิมคือ “เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ- ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ -ชาย นครชัย-สิทธิโชติ อินทรวิเศษ และ ณรงค์ กลั่นวารินทร์”
และวันนี้ (18พ.ย.68) จะมีการประชุมกกต. เพื่อเลือก ประธานกกต.คนใหม่ แทน “อิทธิพร บุญประคอง” ที่พ้นจากตำแหน่งเพราะครบวาระตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยทั้ง 7 คนจะต้องประชุมออกเสียง เพื่อเลือกประธาน กกต.คนใหม่ จากนั้นทางสำนักงานกกต. จะแจ้งผลการประชุม ให้ประธานวุฒิสภาทราบ เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ที่จะรวมถึงการนำรายชื่อ “อนันต์ สุวรรณรัตน์ กับ ณรงค์ รักร้อย” ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น กกต.ใหม่ด้วยในคราวเดียวกัน
ในจำนวน 5 กกต.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ มี 2 คน คือ “เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กับ ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ” จะครบวาระการเป็น กกต.ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งสามารถเข้าร่วมประชุมเพื่อเลือกประธานกกต.คนใหม่ได้ แต่ไม่สามารถเป็นแคนดิเดต ชิงเก้าอี้ประธาน กกต.
แน่นอนว่า การช่วงชิงอำนาจ ชิงเก้าอี้ประธาน กกต.คนใหม่ เป็นไปอย่างเข้มข้น มีการปล่อยข่าว -ปั่นข่าว โยนหินถามทาง เช็กกระแส ดูทิศทางลมการเมืองแต่ละขั้ว ว่าใครเต็ง ใครจะเข้าวิน ขั้วการเมืองขั้วไหนหนุนหลังใคร เป็นประธาน กกต.คนใหม่
มีชื่อแคนดิเดต ที่จะชิงตำแหน่งประธาน กกต.อยู่ 3 คน ประกอบด้วย “สิทธิโชติ อินทรวิเศษ-ณรงค์ กลั่นวารินทร์-ณรงค์ รักร้อย”
“สิทธิโชติ อินทรวิเศษ ” มีดีกรี อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา มีประสบการณ์ การเป็นอดีตผู้พิพากษามาตลอดชีวิต จึงมีความแม่นยำในข้อกฎหมาย ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ประธาน กกต. ซึ่งคุณสมบัตินี้ ถือเป็นจุดแข็งที่น่าจะทำให้สามารถเข้าไปเป็นประธาน กกต. คนใหม่ได้
ส่วน “ณรงค์ กลั่นวารินทร์” กกต.ที่เพิ่งเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากสาย อดีตตุลาการ เคยผ่านตำแหน่งสำคัญในวงการศาลมามากมาย เช่น อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
สำหรับ “ณรงค์ รักร้อย” เป็น อดีตผู้ว่าฯอุทัยธานี ที่แนบแน่นกับบ้านใหญ่อุทัยธานี ทั้ง “ชาดา ไทยเศรษฐ์”อดีต รมช.มหาดไทย “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” อดีต รมช.เกษตรฯ เพราะเป็นพ่อเมืองอุทัยธานีถึง 3 ปีเต็ม ก่อนจะย้ายมาที่ จ.สมุทรสาคร แทน “ผู้ว่าฯปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ที่ป่วยติดเชื้อโควิด พอหายแล้วขอไปเกษียณที่ จ.อ่างทอง บ้านเกิด
“ผู้ว่าฯณรงค์” จึงมาเกษียณที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อปี 2566 และตอนนี้ถูกมองว่า เป็นคนในสาย “พรรคสีน้ำเงิน” เพราะก่อนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ อุทัยธานี เคยอยู่อีสานใต้ เป็นปลัดอำเภอ และรองผู้ว่าฯสุรินทร์ มาก่อน
ล่าสุดมีการมองกันว่า คู่แคนดิเดต ที่จะชิงดำ คือ “สิทธิโชติ อินทรวิเศษ” กับ “ณรงค์ รักร้อย”
“สิทธิโชติ” นั้นแม่นข้อกฎหมาย มีประสบการณ์ในการเป็น กกต. เพราะได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อเดือน มี.ค.2567
ส่วน “ณรงค์ รักร้อย” แม้จะยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ กกต. แต่มีดีที่สายสัมพันธ์ ผูกกับ“ขั้วสีน้ำเงิน” และแว่วว่าตอนนี้ มีเสียงสนับสนุน 3 เสียงรวมทั้งตัวเอง หาอีก1 เสียงมาเข้าพวกก็ได้เป็นประธาน กกต.แล้ว
สำหรับงานสำคัญของ กกต.ชุดนี้ก็คือ การกำกับดูแลการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งตามไทม์ไลน์ หากมีการยุบสภาในช่วงเดือน ม.ค.69 การเลือกตั้งก็จะมีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.69 และ การเลือกตั้ง “สไตล์บ้านใหญ่” ซึ่งเป็นจุดเด่นของพรรคสีน้ำเงิน คือ เน้นกระสุน มากกว่ากระแส
อีกงานที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ตอนนี้ “คดีฮั้วเลือก สว.” ที่มีระดับแกนนำพรรคสีนำเงินติดบ่วงนั้น อยู่ในมือกกต. รอวันลงมติ ผลการสืบสวนสอบสวน ชี้เป็นชี้ตายอยู่ เรื่องนี้มีผลต่อ สว.สีน้ำเงิน136 คน และพรรคสีน้ำเงินโดยตรง
ดังนั้นการมี “ประธาน กกต.สีน้ำเงิน” จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ... เรื่องที่ว่า คนมาใหม่ ไม่มีประสบการณ์การเป็นกกต.มาก่อน แล้วจะมาเป็นประธานฯ เลยนั้น...ไม่ใช่ประเด็น!
เพราะเป้าหมายของพรรคสีน้ำเงิน คือ ชนะเลือกตั้งเพื่อเป็นรัฐบาลต่อ ถ้าทำสำเร็จก็เหมือนมีแก้ว 3 ประการ คือมีรัฐบาลสีน้ำเงิน วุฒิสภาสีน้ำเงิน และ องค์กรอิสระสีน้ำเงิน
ต้องติดตามกันว่าที่สุดแล้ว “ณรงค์ รักร้อย” จะได้รับการเลือกให้เป็นประธาน กกต.หรือไม่!


