เพื่อไทยย้ำ เดินหน้าแก้รธน.เต็มที่ไม่มีเจตนาเตะถ่วง ย้อนที่ล่าช้าเพราะบางพรรคการเมืองเอาเป็นตัวประกัน ไม่อยากเปิดซักฟอกหรือไม่ เหน็บ อย่าให้ข้อตกลง ”ภูมิใจไทย-ปชน.“ ต้องสูญเปล่าทำประชาชนผิดหวัง
วันนี้ (16พ.ย.) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... รัฐสภา ว่า เราพิจารณาไปแล้ว 14 มาตรา จาก 30 กว่ามาตรา ซึ่งการแก้ไขในครั้งนี้เพื่อจะเดินหน้าไปสู่การทำประชามติ และเปิดทางยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนที่เราทุกคนปรารถนา อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่า กมธ.เสียงข้างมากไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ กมธ.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยที่เสนอให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ สสร.เข้าไปทำหน้าที่ แม้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรค พท.จะถูกตีตกไปในวาระที่ 1 แต่เรายังเห็นความสำคัญของการมี สสร. เพราะเชื่อว่า สสร. นั้น จะใช้ผูกพันกับประชาชนเพื่อที่จะสะท้อนความหลากหลายของสังคมโดยจะมีบทบาทที่จะกำกับ ตรวจสอบ ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ที่มาทำหน้าที่เป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า สสร. ยังเป็นกลไกที่สาธารณะชนคุ้นเคย เพราะเราเคยมีตัวอย่างการทำงานที่ชัดเจนของสสร. จากการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แล้ว เพราะเป็นกระบวนการที่สร้างการมีส่วนร่วมและได้รับการยอมรับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ รูปแบบส.ส.ร. ที่พรรค พท.เสนอจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความเป็นอิสระและไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาใด รวมถึงจะเป็นการลดข้อกังขาว่ามีการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นเพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนรวม
น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของพรรค พท.ในการที่จะจัดตั้งส.ส.ร. ซึ่งเราได้ผลักดันมาตั้งแต่ต้นไม่อาจผ่านความเห็นชอบในชั้น กมธ.ได้โดยเสียงข้างมากที่ลงมติให้ใช้กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเพียงระดับเดียว ซึ่งจะประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวน 35 คนที่จะถูกเลือกโดยรัฐสภาคือ สส.หรือ สว. ไม่ใช่ประชาชน โดยสส. หรือ สว.จะต้องเข้าชื่อกัน 20 คน เพื่อเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 1 คนหรือที่เราคุ้นกันว่า 20 หยิบ 1 และจะมีกมธ.รับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญอีก 1 คณะ ซึ่งจะประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวน 35 คนที่รัฐสภาเป็นคนคัดเลือกในบุคคลที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ ซึ่งไม่มีความยึดโยงกับประชาชนแต่อย่างใดแต่ถูกเลือกโดยรัฐสภา
น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า ตนและกมธ.ในสัดส่วนของพรรค พท.มีความกังวลต่อที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.ในการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะ กมธ.ชุดนี้ควรจะสะท้อนความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีที่มามาจากการเลือกตั้งทางอ้อมของประชาชนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้า กมธ.สัดส่วนของ พรรค พท.เราจะยังผลักดันและปรับให้มีที่มายึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุดเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด รวมถึงเราจะทำหน้าที่ป้องกันในการจัดตั้งของกลุ่มการเมืองให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ในส่วนของข้อกล่าวหาที่บอกว่า กมธ.ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยพยายามถ่วงเวลาในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้การพิจารณาล่าช้าและตั้งใจให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญล้มเหลวนั้น เป็นข้อมูลที่บิดเบือนความเป็นจริงอย่างชัดเจน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรค พท.ต้องการที่จะถ่วงเวลา หากเราทราบถึงอดีตและประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าพรรค พท.เราจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาก่อนที่จะมีการตั้งปี 2566 อีก
น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า ส่วนกระบวนการที่ล่าช้านั้น ตนอยากตั้งคำถามไปว่าเป็นเพราะพรรคการเมืองพรรคบางพรรคต้องการที่จะใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตัวประกันเพื่อไม่ให้มีการอภิปรายหรือไม่ และย้ำว่าหากเรากลับไปดูประวัติการเมืองไทยทุกคนจะเห็นว่าไม่มีพรรคใดที่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เท่ากับพรรค พท. แต่เราไม่ได้ต้องการให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อพรรคเรา แต่อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ และการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศและคนไทยทุกคน
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้เราจึงมุ่งมั่นและผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยไม่ย่อท้อและเราเรียกร้องให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญมาโดยตลอดเพื่อให้กระบวนการต่างๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทันตามกรอบเวลาเอ็มโอเอระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน เพื่อจะสามารถทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
“พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องทุกฝ่ายอย่างจริงจังและจริงใจให้ร่วมกันแก้ไขกติกาที่สำคัญของประเทศนี้ในโอกาสที่จะมาถึงในครั้งนี้และขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาที่ประกาศว่าตัวเองมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าใคร ช่วยให้ความสำคัญและเรียกร้องความรับผิดชอบต่อพรรคการเมืองบางพรรคและสมาชิกรัฐสภาที่เกี่ยวข้องในฐานะที่มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญแลกกับการไว้วางใจ เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกุล มาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียงข้างน้อยในครั้งนี้ ขออย่าข้อตกลงนั้นกลายเป็นความสูญเปล่าและสร้างความผิดหวังให้กับประชาชนคนไทยทุกคนอีกครั้ง”
น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า สำหรับบรรยากาศการพิจารณาในชั้นกมธ.เป็นไปด้วยดี พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน มีความคาดหวังว่า จะพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพื่อเปิดการประชุมสมัยวิสามัญ ก่อนที่จะเปิดการประชุมสมัยสามัญ ย้ำว่า เราพยายามจะร่างหรือแก้ไข โดยที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายคือ กระบวนการที่จะมี สสร. ถูกยกเลิกไป ดังนั้น ส่วนที่จะสามารถทำได้ผ่านการคัดสรรของรัฐสภาจะดึงประชาชนมาอยู่ในสมการนี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งบรรยากาศของพรรค พท. และพรรคปชน. กำลังเป็นไปแบบนี้ แต่ กมธ.ประกอบไปด้วย สว. และพรรคภูมิใจไทยด้วย ดังนั้น การมีส่วนร่วมของประชาชน จึงคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก สว. และพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า ประเมินแนวโน้มจะผ่านวาระ 3 หรือไม่ น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ประเมินว่าผ่านวาระ 3 ได้ แต่สุดท้ายแล้วจำเป็นต้องได้รับเสียงจาก สว. ด้วย


