xs
xsm
sm
md
lg

“โจ๊ก-โรม”เปิดเวที กมธ.ปฏิบัติการ “ข้าขั่ว เอ็งก็เลว” ให้ “พิมพ์วิไล” โยนชั่วส่งส่วยตำรวจคู่แค้น ** ปัญหาเล่ห์เขมรจ้องฮุบแหล่งก๊าซในทะเล “พีระพันธุ์” ตอนเป็นรัฐบาลไม่พูด ทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล -  รังสิมันต์ โรม - พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ “โจ๊ก-โรม” เปิดเวที กมธ.ปฏิบัติการ “ข้าขั่ว เอ็งก็เลว” ให้ “พิมพ์วิไล” โยนชั่วส่งส่วยตำรวจคู่แค้น

การประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน เมื่อวาน (13 พ.ย.) ก็ต้องบอกว่า เวทีนี้เปิดให้ “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.โดยเฉพาะ ทั้ง“แก้ตัว” และ “บี้” ฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ รับประโยชน์ไปเต็มๆ

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
วงในแม้จะรู้กันระหว่าง “โจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล สนิทสนมกับ “รังสิมันต์ โรม” แต่ก็ไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะจับมือกัน เอากมธ.ของสภาฯ มาเป็นเวทีสางแค้น อ้างว่ามีการร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 2 เรื่อง โดย “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” ในเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินชุดปฏิบัติการที่ 3 และชุดที่ 4 (PCT 3 และ PCT 4) ศูนย์ปฏิบัติการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีการเรียกรับเงินเครือข่ายพนันออนไลน์

เป้าหมายชัดเจนว่า เพื่อคุมเกมให้สื่อที่รองับตามยุทธวิธี “ว่าข้าชั่ว เอ็งก็เลว”

พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน
เกมนี้ได้ตัวละครสำคัญที่มาโผล่ในห้องกรรมาธิการ คือ “พิมพ์วิไล” น.ส.พิมพ์วิไล ปล้องอ่อน หนึ่งในผู้ต้องหาคดีเว็บพนัน สน.เตาปูน ที่มาเป็นพยานปากเอก คดี “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กับลูกน้อง” รับส่วยเว็บพนัน ที่มีหลักฐานว่า พิมพ์วิไล เป็นบัญชีม้า โอนมาให้ตำรวจกลุ่ม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. รวมถึง กลุ่มพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ด้วย

งานนี้ได้เห็น “โจ๊ก” ชง “พิมพ์วิไล” ให้พูดตามที่ต้องการ ถึงเส้นเงินที่โอนไปยังข้าราชการตำรวจประมาณ 30 กว่าคน รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงเอกสารมีเส้นทางการเงินที่โอนไปยังภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร.คู่แค้น
แน่นอนว่า “พิมพ์วิไล” ก็ใช้เวทีนี้โอดครวญว่า หลังโดนจับกุม ได้มีการสอบถามคนที่ว่าจ้างให้โอนเงินว่า ทำไมตัวเองถึงโดนจับกุม !? ได้คำตอบว่า เงินที่โอนไปเป็นเงินผิดกฎหมายเกี่ยวกับการพนัน ถ้าพูดตรงๆ มันเป็นส่วย ที่ส่งให้กับตำรวจทั้งหมดเลย!

“โจ๊ก” ถามนำบ้าง คู่หู “รังสิมันต์” ถามต่อ สอดประสานลงตัวโดยให้ “พิมพ์วิไล” ตอบเป็นส่วยสำหรับอะไร ยังไง !?

“พิมพ์วิไล” ก็ตอบว่า บางรายการก็รู้ บางรายการก็ไม่รู้ ซึ่งอีกนั่นละ ชิ่งไปหา ชุด PCT 4 ที่ขณะนั้น มี "บิ๊กอรรถ" พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นหัวหน้าชุด

พิมพ์วิไล ก็อ้างว่า โอนผ่านคนที่ว่าจ้างให้ติดต่อกับคนคนหนึ่ง ที่จะมาเรียกเก็บทุกวันที่ 5 และวันที่ 10 ของเดือน มีการแจ้งมาด้วยว่า ตำรวจชุดนี้คือ “ตำรวจ PCT4”

“พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” บี้ต่อถึงวิธีการโอนว่า โอนให้ใคร ผ่านบัญชีใคร และโอนไปยังตำรวจ ชื่ออะไร!? “พิมพ์วิไล” ก็จะบอกว่า เท่าที่ทราบมาจะโอนไปให้คนนี้ คนโน้น

โดย “พิมพ์วิไล” ย้ำอีกว่า "หนูเป็นเพียงผู้โอนเงินและคนทำบัญชี รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม" เพราะไม่ทราบมาก่อน และคิดว่าทำไมโอนเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วจึงถูกจับกุม!?

  รังสิมันต์ โรม
เมื่อปฏิบัติการ "ข้าชั่ว เอ็งก็เลว" เป็นไปตามที่คิด ในช่วงท้ายของการประชุม “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” ก็เรียกร้องหา "มาตรฐาน" การดำเนินคดี กับฝ่ายตรงข้ามรับเปรียบเทียบกับฝ่ายตัวเอง ในทำนองว่า เมื่อมีหลักฐานแบบนี้ทำไมกล่าวหาแต่พวกตัวเอง ?
ขณะที่ “พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” รองจเรตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า กรณีของ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กับพวก” เป็นคนละเว็บ คนละกรรมกัน ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆไป ไม่ใช่เรื่องที่จะมาถามให้ได้ข้อสรุปตรงนี้ เพราะกรณี “เว็บมินนี่” กับ “เว็บพนันบีเอ็นเค” เป็นคนละเว็บ เจ้าของเว็บคนละกลุ่ม จะนำมารวมกันไม่ได้

ส่วนกรณีเส้นเงินตำรวจ 200 ราย มีการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาในเส้นเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตำรวจได้ส่งเส้นเงินทั้งหมดไปที่ป.ป.ช.แล้ว

สรุปว่า งานนี้ “โรม”จัดให้ “โจ๊ก” เปิดปฏิบัติการ "ข้าชั่ว เอ็งก็เลว" โดยมี "พิมพ์วิไล" เป็นตัวละคร เบิกความชี้นำตามบท โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า...ตระเตรียมการกันมาเป็นอย่างดี.

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
++ ปัญหาเล่ห์เขมรจ้องฮุบแหล่งก๊าซในทะเล “พีระพันธุ์” ตอนเป็นรัฐบาลไม่พูด ทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้

ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ที่กระทบกระทั่งกันต่อเนื่องมา นี่ก็ 5-6 เดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงได้ แม่จะมีการไปลงนาม“ปฏิญญาสันติภาพไทย–กัมพูชา” กันที่ มาเลเซีย ต่อหน้าสักขีพยานอย่าง “อันวา อิบราฮิม” นายกฯมาเลเซีย และ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ล่าสุด เมื่อทหารไทยเหยียบกับระเบิด ที่เขมรแอบมาวางเอาไว้ ขาขาดไปอีก 1 นาย ขณะออกลาดตระเวน ที่บริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรดาพรรคการเมืองต่างออกมาเกาะกระแส แสดงความเห็นหาคะแนน ในเรื่องนี้

รัฐบาลโดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ถึงกับออกแอกชัน ขึงขัง ระงับการดำเนินการตาม Joint Declaration ที่ได้ร่วมลงนามที่ กัวลาลัมเปอร์ ระงับการส่งตัวเชลยศึกคืนให้กัมพูชา ให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา และ “ไฟเขียว” กองทัพ หากต้องมีการปฏิบัติการทางทหาร

แต่ “อนุทิน” ไม่พูดถึงเรื่อง “เลิกเอ็มโอยู 43-44” ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุเของปัญหาเลยซักคำ ยังคงกอดเอาไว้เหมือนเดิม

ส่วนทางพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาประณามกัมพูชา ที่ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ, ข้อตกลงหยุดยิง, และ อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องรัฐบาล ยกระดับกดดันกัมพูชาผ่านอาเซียน และนานาชาติ ตามช่องทางการทูต ขณะเดียวกันก็จี้ให้รัฐบาลเร่งปราบสแกมเมอร์ และเครือข่ายอาชญากรรมอย่างจริงจัง เป็นการกดดันกัมพูชา อีกทางหนึ่ง
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ให้กำเนิด “เอ็มโอยู 43” เจ้าปัญหา ก็ออกมาเรียกร้องให้ประชาคมโลก ได้ร่วมกันประณามกัมพูชา ที่ผลักดันวาระทางการเมืองของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงชีวิตผู้บริสุทธิ์ และขอให้ประชาคมโลก ช่วยโน้มน้าวฝ่ายกัมพูชาให้พิจารณาอย่างจริงจังต่อการเจรจาและการทูตอย่างมืออาชีพ เพื่อยุติความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น

อีกคน ที่ออกมาร่วมกระแสหาแสง ก็คือ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตรมว.พลังงาน แสดงความเห็นให้ไทยระวัง อย่าไปหลงกลเขมร มัวแต่มุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ชายแดนบนบก จนลืมปัญหาทางทะเลที่เป็นแหล่งพลังงาน และเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของกัมพูชา คือ การอ้างสิทธิในเขตแดนทางทะเล ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรพลังงานมหาศาล

การที่เขมรพยายามสร้างสถานการณ์ เรื่องเขตแดนบนบก ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด ก็เพื่อต้องการขยับเส้นเขตแดน ระหว่างไทย-เขมร ไปเรื่อยๆ จนถึงหลักเขต ที่ 73 ซึ่งเป็นหลักเขตสุดท้ายก่อนลงทะเล
ถ้าขยับหลักเขตที่ 73 ให้ร่นเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยได้ เส้นแดนทางทะเลก็จะขยับตาม ซึ่งจะไปสอดรับกับเส้นเขตแดนที่เขมรลากขึ้นเองตามอำเภอใจ โดยไม่สนหลักสากล จนทำให้เกิดพื้นที่อ้างสิทธิ์ ในน่านน้ำบริเวณเกาะกูด และเป็นกรณีพิพาทมาตั้งแต่ปี 2516 ถึงทุกวันนี้

นั่นเท่ากับว่า เป็นเวลา 52 ปีแล้ว ที่ไทยไม่สามารถพัฒนา หรือนำทรัพยากรทางพลังงานขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งทั้งที่เป็นพื้นที่ของไทย แต่ถูกเขมรมาร่วมอ้างสิทธิ์

นอกจากนี้ เมื่อปี 2540 เขมรก็ทำการถมทะเล ให้แผ่นดินต่อยื่นเข้าไปในทะเลอีกหลายร้อยเมตร อ้างว่าเป็นเขื่อนกันคลื่น แต่ตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ อาจใช้เป็นข้ออ้างว่าเป็นเขตต่อเนื่องจากแผ่นดิน ที่จะมีผลต่อการลากเส้นแบ่งเขตแดนในทะเลเพิ่มขึ้นจากเดิมได้อีก ซึ่งก็จะกระทบถึงทรัพยากรพลังงานของชาติในทะเลอีกเช่นกัน

กองทัพเรือ ก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่เคยมีคำสั่ง

รัฐบาลไทย ก็ได้แต่ประท้วงตามฟอร์ม ประท้วงไป 3 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2541 และอีกครั้งล่าสุดคือเมื่อปี 2564 แต่ผลก็คือได้ประท้วง แต่ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น

“พีระพันธุ์”บอกว่า ในช่วงสงคราม 5 วันเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นตนเองยังเป็น รมว.พลังงานอยู่ ก็ได้ถามว่า ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ทวงคืนเขตแดนทางทะเล แต่ทางกองทัพเรือ ก็บอกว่า “ไม่มีคำสั่ง!”

ตอนนี้ก็เลยอยากถามกองทัพเรือว่า พร้อมที่จะเด็ดขาด ทวงเขตแดนทางทะเลของเราคืนหรือยัง ถ้าพร้อม…รออะไรครับ ?
ถึงบรรทัดนี้ ก็อยากถามกลับไปยัง “พีระพันธุ์” ว่า ในวันนั้น ที่ยังมีอำนาจเป็นรองนายกฯ เป็น รมว.พลังงาน เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำไม่ไม่พูดออกมาให้มันดังๆ รวมทั้งประกาศจุดยืนให้มันชัดเจนว่า ต้องจัดการพื้นที่ทางทะเล ที่กัมพูชามาอ้างสิทธิ์ ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งๆ ที่ภาคประชาชน ก็ออกมาเคลื่อนไหว เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก “เอ็มโอยู 43-44”

ทำไมถึงเพิ่งจะมารู้สึกหวงแหนแผ่นดิน ทรัพยากรของชาติ ตอนที่หมดอำนาจ !


กำลังโหลดความคิดเห็น