4 พรรคการเมืองรับข้อเสนอ สสส.–เพื่อนหญิง ดัน “ยุติความรุนแรงในครอบครัว” เป็นวาระแห่งชาติ เสนอ 7 นโยบายเชิงระบบ เพิ่มงบ–บุคลากร–กลไกคุ้มครองผู้ถูกกระทำพร้อมดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำฯ ฉบับปชช. สร้างสังคมปลอดภัยแก่เด็กและสตรี
วันนี้ (13 พ.ย. 2568) ที่โรงแรมทีเค พาเลส กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิเพื่อนหญิง เครือข่ายสตรี 4 ภาค และกลไกสหวิชาชีพพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด จัดเวทีเสวนา “How to..นักการเมืองหญิง ร่วมผลักดันท้องถิ่น–ชุมชนจัดการความรุนแรงในครอบครัว 24 ชั่วโมง พร้อมยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อผู้แทนจาก 4 พรรคการเมือง เพื่อผลักดันให้การยุติความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระแห่งชาติ
นางภรณี ภู่ประเสริฐ รองผู้จัดการกองทุน สสส. ระบุว่า สถานการณ์ความรุนแรงบนฐานเพศยังคงน่าเป็นห่วง โดยปี 2567 มีผู้ถูกกระทำที่เข้ารับการช่วยเหลือผ่านศูนย์พึ่งได้กว่า 17,900 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ขณะที่สายด่วน พม.1300 พบกว่า 4,800 รายเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัว โดยมากเป็นการทำร้ายร่างกาย ผ่านสาเหตุจากยาเสพติด ความโกรธ หึงหวง และสุขภาพจิต สสส. จึงเดินหน้าผลักดันนโยบายและกลไกเชิงระบบผ่านยุทธศาสตร์ 5 ด้าน เพื่อสร้างความตระหนักและลดความรุนแรงในระยะยาว
ด้าน น.ส.ธนวดี ท่าจีน ผอ.มูลนิธิเพื่อนหญิง เผยว่า จากการทำงานนำร่อง 4 จังหวัด พบครอบครัวที่ถูกกระทำความรุนแรงและได้รับการฟื้นฟูแล้ว 33 ครอบครัว รวม 276 คน ข้อมูลเชิงประจักษ์เหล่านี้จะนำไปสู่การพัฒนากลไกคุ้มครองและบำบัดผู้ถูกกระทำ พร้อมเสนอ 7 นโยบายเชิงระบบเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ในการเสวนามีผู้แทนหญิงจาก 4 พรรคการเมืองร่วมแสดงจุดยืน ได้แก่ ผศ.รัชดา ธนาดิเรก (พรรคภูมิใจไทย), ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ (พรรคเพื่อไทย), น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ (พรรคประชาชน) และ น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี (พรรคประชาธิปัตย์)
น.ส.ศศินันท์ พรรคประชาชน ระบุว่า พรรคการเมืองต้องเห็นปัญหาเดียวกันและเพิ่มจำนวน ส.ส.หญิง เพื่อให้การผลักดันนโยบายเดินหน้าได้จริง พร้อมย้ำว่าการเมืองเองก็มีส่วนทำให้เกิดความรุนแรง หากพรรคเพิกเฉย สังคมก็จะเพิกเฉยตาม จึงเสนอให้ทุกพรรคทำสัญญาใจร่วมในการป้องกันความรุนแรง และอยากเห็นเวทีดีเบตนายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมถึงบรรจุประเด็นในร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ผศ.รัชดา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นโยบายแก้ปัญหาความรุนแรงเริ่มผลักดันตั้งแต่สมัยนายอนุทินกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย โดยจัดอบรมผู้ว่าฯ–นายอำเภอ ให้เปลี่ยนจากผู้รับรู้ เป็นผู้ลงมือแก้ปัญหา พร้อมมองว่าแม้การเมืองมีความซับซ้อน แต่หากทุกพรรคมุ่งทิศทางเดียวกันจะขับเคลื่อนได้ง่ายขึ้น
ทพญ.ศรีญาดา พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคกำลังรวบรวมทีมรุ่นใหม่เพื่อทำงานด้านนี้ และจะนำข้อเสนอจากเวทีเข้าสู่กระบวนการนโยบาย พร้อมชี้ว่าความจน เป็นปัจจัยหลักของความรุนแรง จึงต้องเสริมสวัสดิการและงานให้ครอบครัว พร้อมดูแลสุขภาพจิตและมีระบบป้องกันระดับชุมชน
ขณะที่ น.ส.รัดเกล้า พรรคประชาธิปัตย์ เน้นว่า ความรุนแรงต่อผู้หญิง–เด็กเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่สังคม จึงควรมี นโยบายกลาง ให้ทุกพรรคใช้ร่วมกัน เช่น การตั้งงบเฉพาะด้านเพศ, การใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้า และการผลักดันโควต้าให้ผู้หญิงที่มีความสามารถเข้าสู่การเมือง
ท้ายสุด มูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิพิทักษ์สตรี และเครือข่ายสตรี 4 ภาคร่วมกับ สสส. ได้ยื่นข้อเสนอ 7 ข้อ เรียกร้องให้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระแห่งชาติ เพิ่มงบ บุคลากร และกลไกคุ้มครองผู้ถูกกระทำ รวมถึงการบำบัดผู้กระทำ พร้อมเร่งผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับภาคประชาชน) ที่มีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 26,000 ราย เพื่อยุติการยอมความ และสร้างสังคมปลอดภัยสำหรับเด็กและสตรีอย่างแท้จริง


